Featured เพ่งพินิจ "..ความตาย.."(มรณานุสสติ)

ชีวิต..ไม่มีอะไรแน่นอน
ชีวิต..เปรียบเหมือนละครฉากหนึ่ง
ชีวิต..มีทั้งสุข เศร้า เหงา ซึ้ง
เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง
อย่าลืมเตรียมเสบียงแห่งความดี
.... สิ่งที่จะนำติดตัวไปได้คือ บุญและบาป..

 

#หลับ

๐ หลับสนิท ปิดภพ จบลาลับ
ดั่งดาวดับ สู่ดิน ถิ่นสถาน
ไม่มีวัน พรุ่งนี้ ที่เบิกบาน
สิ้นตำนาน ชีพเนา เศร้าสุขใจ

๐ หลับไม่ตื่น ฟื้นฝัน สร้างสรรค์โลก
สิ้นแล้วโศก สุขเหงา เคยเฝ้าใฝ่
สิ้นแล้วทุกข์ รุกรุม รอสุมไฟ
สิ้นอาลัย คนหลัง ไร้ฝังจำ

๐ หมดรับรู้ กูมึง มิบึ้งโกรธ
หมดกล่าวโทษ เคยบ้า ท้าระห่ำ
หลับสนิท ปิดตา อาการทำ
สิ้นก่อกรรม หมดชาติ วาดชั่วดี

#ไม่ตื่น

~ ดอกหญ้ากับเทวดาวัด ~
www.facebook.com/Dharma.Dokya
กานท์กลอนซ่อนธรรม แฟนเพจ

 

"ชวนคนที่คุณรักมาเรียนปั้นพระเป็นสิริมงคล เริ่มต้นปี ๒๕๖๐"

เครือข่ายพุทธิกาขอเชิญอบรม “ปั้นพระพุทธรูป” รุ่น ๓
สอนโดยคณาจารย์จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ครูผู้สอนปั้นพระพุทธรูปในเรือนจำ

เรียนเฉพาะวันเสาร์ เรียนจำนวน ๘ สัปดาห์
เริ่มวันที่ ๑๔ มกราคม เป็นต้นไป
รวมเวลาเรียน ๔๘ ชั่วโมง
๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ณ เครือข่ายพุทธิกา

รับสมัครผู้เรียนจำนวนจำกัด ๑๕ คน
หมดเขตรับสมัครภายในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๙

ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร ๑๕,๐๐๐ บาท
(รวมอุปกรณ์การเรียนและอาหารกลางวัน)
รายได้สมทบการจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของเครือข่ายพุทธิกา

>> วิธีการสมัคร
โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาอรุณอมรินทร์
ชื่อบัญชี เครือข่ายชาวพุทธเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคมไทย
เลขที่บัญชี ๑๕๗-๑-๑๗๐๗๔-๓

ส่งสลิปใบโอนเงิน พร้อมชื่อและเบอร์โทรศัพท์มาที่ โทรสาร ๐๒-๘๘๒-๕๐๔๓
หรืออีเมล์ fonwanfai@gmail.com

สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อคุณพรทิพย์ โทร ๐๒-๘๘๒-๔๓๘๗ ต่อ ๑๑
หรือ ๐๘๕-๙๑๗-๗๒๑๒
เว็บไซต์ เครือข่ายพุทธิกา : เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม

หมายเหตุ

คณาจารย์ผู้สอน สอนครั้งละ ๓ คน (ครู ๑ คน ต่อนักเรียน ๕ คน)
อ.ภูษิต รัตนภานพ
อ.ศุภโชค ชุมสาย ณ อยุธยา
อ.ปนท ปลื้มชูศักดิ์
อ.อติ กองสุข
อ.วิชัย โยธาวงศ์
อ.อภินันท์ คงศรี
อ.ณัฐพล ชัยชนะ

สถานที่เรียนปั้นพระ
เครือข่ายพุทธิกา
ดูแผนที่ คลิก เครือข่ายพุทธิกา : เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม

- - - - - - - - - -
แผนการเรียนการสอน ปั้นพระพุทธรูป รุ่น ๓
ณ ห้องประชุมเครือข่ายพุทธิกา (ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๙)
เรียนเวลา ๙.๐๐- ๑๖.๐๐ น.

เสาร์ ที่ ๑๔, ๒๑ มกราคม ๒๕๖๐ (๑๒ ชั่วโมง)
- แนะนำตัว แนะนำกิจกรรมและภาพรวมเนื้อหา
- เล่าเรื่อง ประวัติพระพุทธรูปในประเทศไทย และประวัติความเป็นมา ความงามทางสุนทรียะที่ปรากฏในแต่ละยุคสมัยของประเทศไทย
- แนะนำขั้นตอน และแนะนำอุปกรณ์การเรียนการสอน
- ศึกษาและฝึกปฏิบัติงานพระพุทธปฏิมากร (ลอยตัวขนาดเล็ก )
- ศึกษาวิธีการสร้างงานประติมากรรมลอยตัว
- ศึกษาเทคนิควิธีการสร้างรูปทรง

เสาร์ ที่ ๒๘ มกราคม และ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ (๑๒ ชั่วโมง)
- ศึกษาและฝึกปฏิบัติงานพระพุทธปฏิมากร (ลอยตัวขนาดเล็ก)

เสาร์ ที่ ๑๑, ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ (๑๒ ชั่วโมง)
- ศึกษาขั้นตอนกระบวนการทำแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์และการหล่อปูนปลาสเตอร์ จากผลงานพระพุทธปฏิมากร

เสาร์ ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ และ ๔ มีนาคม ๒๕๖๐ (๑๒ ชั่วโมง)
- ศึกษาและปฏิบัติงานขั้นตอนการขัดแต่งผลงานพระพุทธปฏิมากร
- ปิดโครงการ

 

คำถามนี้เปิดกว้าง
ลองสมมุติ เพื่อตรวจสอบจิตใจตนเอง
และโปรดตอบจากใจ พร้อมเหตุผลในมุมมองของคุณ






https://www.facebook.com/peacefulde...414464970307/1484565314888543/?type=3&theater

 

ผู้ป่วยระยะสุดท้ายบางคนที่หมอมีโอกาสดูแลเกิดความขัดแย้งในจิตวิญญาณ
กลัวตาย กลัวเจ็บ กลัวความโดดเดี่ยว
ก่อนหน้าความกลัวนี้ เขามักจะมีชีวิตที่ขาดจุดมุ่งหมาย
ที่พระท่านเรียกว่า อธิษฐานบารมี
อธิษฐานบารมี คือ การตั้งจิตทำดีเพื่อประโยชน์ตนและคนอื่น
จิตที่มีลักษณะคิดจะเอา มากกว่า คิดจะให้
ก่อนจากไป มักกระวนกระวาย ไม่สงบและมักจบลงด้วยการตายที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
หมออยากชวนเราให้หัดอธิษฐานบารมี
ทำร่างกายของเราให้เป็นบุญ
ทำดี พูดดี และคิดดี
เมื่อทำจนเป็นนิสัย เป็นบารมี
สิ่งดีดี จะมาหาเราตั้งแต่เรายังไม่ตายนะครับ


หมอพายุพล
๒ ธ.ค.๕๙

https://www.facebook.com/photo.php?...7279302.109566.100000089487215&type=3&theater

 

ตายมือกำพระ
หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม

ผู้ถาม :- “หลวงพ่อเจ้าขา รถคว่ำตายไปในมือก็กำพระแน่นอยู่ วันนี้ลูกได้ถวายสังฆทาน จะมีโอกาสได้รับหรือเปล่าเจ้าคะ…?”

หลวงพ่อ :- “ตายเขาไปสวรรค์ก่อนแล้ว มือถือพระจิตนึกถึงพระอย่าลืมล่ะ ถึงแม้ไม่ถืออยู่ ถ้าออกจากบ้าน ก่อนออกจากบ้านก็กราบพระสัก ๓ ครั้ง ไม่ว่าอะไรเลย กราบพระด้วยความเคารพเฉยๆ นะ หรือกราบไม่ทันแต่ยกมือไหว้ด้วยความเคารพแล้วก็ไป แล้วก็ลืมเรื่องล่ะ คุยกันเรื่องเฉื่อยไป แล้วไปตายแบบนั้นจะไปสวรรค์ทันที เพราะอารมณ์กุศลตอนเช้าที่ทำมันยังฝังใจอยู่ นั่นเขาถือพระอย่างนั้นไม่มีทางล่ะ ไปลิ่วเลย”

ผู้ถาม :- “บางทีมือซ้ายถือของอยู่ มือขวาไหว้มือเดียวได้ไหมครับ…?”

หลวงพ่อ :- “สองมือยกไม่ขึ้น ใจเคารพยังใช้ได้เลย”

จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๑๐๘
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)

 

"..ทีนี้เวลาที่จะตายให้สังเกตตามนี้ ถ้าหากว่าจะไป
นิพพานได้ทุกคนจะเห็นพระพุทธเจ้าสวยงามมาก อยู่
ใกล้ท่านหรือเป็นพระอรหันต์อยู่ใกล้ อันนี้ต้องเห็นทุก
คน ขอยืนยันว่าเห็นทุกคน
ถ้ายังไม่เห็นพระพุทธเจ้า ยังไม่เห็นพระอรหันต์หรือ
เทวดาหรือพรหมก็ตาม เวลานั้นมันยังไม่ตาย ป่วย
หนักอย่างไรก็ยังไม่ตาย ถ้าเวลาจะตายจะต้องเห็น
ถ้าเห็นพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์อยู่แนวหน้าด้าน
หน้า ข้างหลังเป็นเทวดากับพรหม อย่างนี้ท่านไป
นิพพานกันแน่ ถ้าบังเอิญมีเทวดาหรือพรหมอยู่ข้าง
หน้า อย่างนี้ยังไม่ไปนิพพาน อย่างนี้ถ้าตายแล้วต้อง
เป็นเทวดา เป็นพรหม หรือเป็นนางฟ้า แต่ก็ไม่ใช่ของ
แปลก ถ้าเป็นเทวดาก็ตาม เป็นนางฟ้าก็ตาม เป็นพรห
มก็ตาม อีกไม่นานนัก พระศรีอาริย์ ก็ตรัส เราฟังเทศน์
จาก พระศรีอาริย์ เพียงแค่จบเดียวอย่างต่ำก็เป็น
พระ โสดาบัน แต่ความจริงถ้าบำเพ็ญบารมีเป็นอย่างนี้
เขาไม่เป็นพระโสดาบันกันหรอกนะ

ถ้าสมมติว่าเรายังไม่ได้นะ
ตายจากความเป็นคนเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า
ฟังเทศน์จาก พระศรีอาริย์ แล้วก็เป็นพระโสดาบันก็ซวย
เต็มที อย่างนี้อย่างเลวต้องเป็นอนาคามีเป็นอย่างน้อย
เพราะบารมีถึงแล้ว หลังจากนั้นก็ต่อบุญบารมีของ
เราเรื่อยขึ้นไปจนถึงนิพพาน เป็นอันว่าร่างกายประเภ
ทนี้ที่เราไม่ต้องการ ไม่ต้องพบมันอีก"

จาก : รวมคำสอนธรรมปฏิบัติเล่ม ๑๔ หน้า ๒๘
โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่า
ซุง) อุทัยธานี







https://www.facebook.com/6957718271...771827127007/1155528567817995/?type=3&theater

 

และอีกครั้ง ....

กับเหตุการณ์ เพิ่งผ่านไป


...ขอให้การพบกัน แต่ละครั้ง กับใครก็ตาม

โดยเฉพาะกับคนที่คุณรัก ผูกพันธ์


...ให้ทำเหมือนว่า เป็นการพบกันครั้งสุดท้าย

เพื่อเราจะได้ใส่ใจ ในรายละเอียด ทุกคำพูด ทุกกิริยา



...หากว่า เมื่อคลาดสายตากัน

เราอาจไม่ได้พบกันอีก ในชาตินี้


เราจะไม่ได้เสียใจ

กับโอกาส ที่เรา ได้ทำดีที่สุดแล้ว..







<iframe width="1" height="1" src="https://www.youtube.com/embed/a_Am4cHMBKM?&autoplay=1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

เวลา-ชรา



เสียงหัวใจกล่าวแล้วอำลา
ลาภยศศักดิ์บรรดาก่อไว้
เงินทองสั่งสมมาตามแต่
มุ่งสู่วิสุทธิ์ไซร้อีกด้าว ดินแดน
กาลเวลาลุล่วงตามกัน
เห็นนรกสวรรค์ผ่านพ้น
เทียวทางท่องหลายฝันเติมต่อ กันนา
ลุล่วงอาจท่วมท้นล่มแล้ว ยังมี
คารวะคุณค่าแท้ดีงาม
คำกล่าวมาไถ่ถามห่วงให้
ทุกข์สุขยังต่อตามติดต้อง ดูฤา
ใครปลอบปะโลมไว้หม่นเศร้า ลางที
หลากเรื่องราวท่านร้อยเรียงราย
เต็มค่าตามความหมายก่อแล้ว
อนุชนมิสายสายถักต่อ ทอทาง
ฝันใฝ่คงไป่แคล้วป่นสิ้น ตำนาน
โครงคำเขียนดั่งคล้ายยืนยัน
มอบแด่คืนและวันหยั่งฟ้า
คราวท่องทุ่งแสงจันทร์กระจ่าง
เป็นดั่งแสงใต้หล้าหล่อเลี้ยง นำทาง
กาล-ชรา แก่เฒ่าครองธรรม
ทางแห่งกุศลกรรมบ่มไว้
คงชีพมีน้อมนำไปสู่
สถิตอย่างมิว่างไร้เกี่ยวร้อย วิญญาณ
..........
ที่มา: จดหมายข่าวอาทิตย์อัสดง ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 ประจำเดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2555
คอลัมน์: ในความรื่นรมย์
ผู้เขียน: นาโก๊ะลี

 

1. มัดตราสังข์สามเปราะ มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก
มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี - ภรรยา
มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ
ติดอยู่สามบ่วงนี้ ไปนิพพานไม่ได้
ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น
2. เคาะโลงรับศีล ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีล
แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า
อย่าเอาแต่มัวประมาทขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน
เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้
3. สวดอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง
จึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวด
เพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรม
ไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล
ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวด
ให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้
4. บวชหน้าไฟ มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์
ความจริงนั้น ไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟ
เป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุด
มนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย
ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส แล้วพอใจในสมณะเพศ
มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน
5. การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ
เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่าตอนที่ยังอยู่
ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรม
คำสั่งสอนพระพุทธเจ้านั่นเอง จึงจะอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า
6. การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสามอันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลสตัณหาอุปทาน
ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส เป็นการสอนธรรมชั้นสูง
จึงได้พาศพเวียนซ้าย
7. การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ เพื่อชี้ให้เห็นว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์
ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพาน
ต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิพย์จากพระธรรม
8. การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิ
และมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมาเพื่อจะบอกว่าได้กลับ
ชาติใหม่แล้วตามวิบากของกรรม..