กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,932
    ค่าพลัง:
    +4,799
    (ปักหมุด84) หน้า116
    :oops::oops::oops::oops::oops::oops:o_Oo_Oo_O

    เรื่อง กรรมเหนือหมอดู
    ทำไมการพยากรณ์อดีตจึงแม่น
    พยากรณ์อนาคตไม่แม่น


    1. กรรมเหนือหมอดู

      50-jpg.jpg
      กรรมเหนือหมอดู
      คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ
      โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก


      ทำไมการพยากรณ์อดีตจึงแม่น พยากรณ์อนาคตไม่แม่น
      ตอบ เพราะชีวิตคนมิได้ขึ้นอยู่กับโหราศาสตร์เป็นเงื่อนไขอย่างเดียว มันย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขปัจจัยอีกมากมาย อดีตนั้น "นิ่ง" แล้ว ไม่มีเงื่อนไขอะไรมาผลักดันให้เป็นอื่นได้ เพราะฉะนั้น การทำนายทายทักจึงมักจะตรง แต่ปัจจุบันและอนาคต มันยังเคลื่อนไหวเพราะเหตุปัจจัยอีกหลายอย่าง ยังไม่นิ่ง
      เงื่อนไข ที่สำคัญที่สุดคือ "กรรม" (การกระทำ) ของคนๆ นั้นอง เขาทำทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดีคละกันไป สิ่งเหล่านี้แหละมีแนวโน้มจะให้ผลในอนาคต ไม่ว่าดี หรือไม่ดี
      พูด อีกนัยหนึ่ง เราเป็นผู้กำหนดอนาคตเราเอง ถ้าต้องการให้ชีวิตเป็นไปอย่างใด ก็ต้องสร้างเงื่อนไขที่ดีๆ ไว้ให้มาก แล้วอนาคตจะไปดีเอง ตรงข้ามถ้าสร้างแต่เงื่อนไขไม่ดี อนาคตก็เป็นไปตามนั้น

      คนเราถ้าไม่ขวนขวายพยายาม
      ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม
      ก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของฟ้าดิน
      แต่กรรมเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดอย่างแท้จริง
      นั่นคือเราต้องสร้างอนาคตของเราเอง
      คนที่พยายามพึ่งตัวเองด้วยการกระทำแต่ความดีถึงที่สุดแล้ว
      ย่อมอยู่เหนือโชคชะตา
      ถ้าใครคิดว่าชีวิตถูกลิขิตมาอย่างใดก็ย่อมเป็นอย่างนั้น แก้ไขไม่ได้เลย
      ผู้นั้นถึงจะเป็นคนคงแก่เรียนเพียงใด
      ก็นับว่าโง่อยู่นั้นเอง

      เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า การเด็ดดอกไม้เพียงดอกเดียว สะเทือนไปถึงดวงดาว
      มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราตัดสินใจทำกรรมดีกรรมชั่วในตอนนี้ มันสะเทือนไปถึงปัจจุบันและอนาคตของเราด้วย
      ด้วยเหตุนี้ หมอดูดังๆจำนวนมากมักทำนายเหตุการณ์ต่างๆผิดพลาด
      เพราะเขารู้แต่พรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิม พรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่เขาไม่รู้
      แม้แต่พระอริยะเจ้า ท่านยังทำนายพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่ไม่ได้เลย ท่านรู้เฉพาะพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมเท่านั้น

      2. หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
      หลวงพ่อจรัญทำนายว่า.....อาตมาจะมรณภาพวันที่ 14 ตุลาคม 2521 เวลาเที่ยง 12.45 น.ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำคอหักตาย
      นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมของท่าน
      เมื่อถึงเวลานั้น หลวงพ่อจรัญท่านก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ คอหักจริงๆ แต่ท่านไม่ตาย ด้วยเหตุที่ หลวงพ่อจรัญได้สำนึกบาปที่ฆ่าหักคอไก่จำนวนมาก และแผ่เมตตาให้ไก่เหล่านั้น ไก่เหล่านั้นเลยให้อภัย ท่านจึงแค่คอหัก แต่ไม่ตาย
      นี่คือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่ของท่าน
      วิเคราะห์
      - หลวงพ่อจรัญมองเห็นกรรมเก่าที่จะให้ผล(ตามพรหมลิขิต/กฎแห่งกรรม)
      - หลวงพ่อจรัญมองไม่เห็นกรรมใหม่ที่จะให้ผล ท่านทำกรรมใหม่ คือ สำนึกบาปที่ฆ่าหักคอไก่จำนวนมาก และแผ่เมตตาให้ไก่เหล่านั้น
      - กรรมใหม่ส่งผลเปลี่ยนพรหมลิขิต กฎแห่งกรรมในอดีต จึงให้ผลไม่ได้เต็มกำลัง เพราะโดนวิบากกรรมดีในชาตินี้ช่วยไว้

      2. พระสารีบุตร
      ในครั้งพุทธกาล พระสารีบุตร และภิกษุอื่นๆ ต่างไม่ได้ให้พรเณรบวชใหม่คนหนึ่ง ให้มีอายุยืน เพราะวิบากกรรมของเขาต้องตาย ถึงฆาตแน่ พระสารีบุตรได้เล็งเห็นว่า เณรผู้นี้จะมรณะในอีก 7 วัน
      ท่านจึงอนุญาตให้เณรกลับไปเยี่ยมบ้าน เพื่อโปรดบิดามารดา และญาติโยมทางบ้านเป็นครั้งสุดท้าย
      นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดเดิมของเณรบวชใหม่
      เมื่อเพลาผ่านไปเจ็ดวัน เณรได้กลับมายังอารามเหมือนเดิม พระสารีบุตรเองแปลกใจว่า เพราะเหตุใดเณรคนนั้นไม่ตาย ท่านจึงได้สอบถามเณรว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทางไปและกลับ เณรได้แถลงไขว่า ระหว่างทางที่ไปนั้น ได้พบปลาจำนวนหนึ่งตกคลักในหนองน้ำที่ใกล้แห้ง จึงได้เอาจีวรช้อนขึ้นมาไปปล่อยในแหล่งน้ำที่ใกล้ๆ
      ด้วยญาณแห่งพระสารีบุตร ท่านก็ทราบได้ว่า ปลาเหล่านั้น คืออดีตเจ้ากรรมนายเวรของเณรผู้นั้นเอง และเมื่อเณรได้นำปลาไปปล่อยในแหล่งน้ำ เท่ากับว่าได้ทำบุญต่ออายุให้กับตัวเอง และเจ้ากรรมนายเวรนั้น จึงได้อโหสิกรรมให้เณร
      นั่นคือพรหมลิขิตหรือแผนที่ชีวิตชุดใหม่ของเณรบวชใหม่
      วิเคราะห์
      - พระสารีบุตรมองเห็นกรรมเก่า(พรหมลิขิต/แผนที่ชีวิต)ที่จะให้ผลให้เณรคนหนึ่งตาย
      - พระสารีบุตรมองไม่เห็นกรรมใหม่ ที่จะให้ผลให้เณรคนนั้นไม่ตาย ซึ่งเป็นตอนที่เณรคนนั้นเดินทางกลับบ้าน เณรไปปล่อยปลา ซึ่งเป็นการทำกรรมใหม่ ทำให้กรรมเก่าของเณรไม่ส่งผล
      มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สามารถเห็นอนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง

      สรุป
      กฎแห่งกรรมก็คือพรหมลิขิตนั่นเอง

      แต่กฎแห่งกรรมบอกวิธีการแก้พรหมลิขิต
      หรือ แก้แผนที่กฎแห่งกรรมในอดีตที่ส่งผลถึงปัจจุบันและอนาคตเอาไว้ด้วย
      ถ้าเราทำตามพรหมลิขิต โดยไม่แก้ไขอะไรให้ดีขึ้น ก็เท่ากับเราไม่เข้าใจกฏแห่งกรรมอย่างแท้จริง
    2. คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ
    3. โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
    4. (9@Phonleeโพสต์)25 พฤศจิกายน 2018):rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes:o_Oo_O
    • (หมายเหตุประโยคส่งท้าย) จากแง่คิดของ9 ฝากไว้ให้อ่านเล่น;););)
    • "แม้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกทำความดีได้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2025
  2. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,932
    ค่าพลัง:
    +4,799
    • ต้องขออภัย
    • **เนื่องจากส่งไม่ผ่าน จึงส่งใหม่(กลายเป็นส่งซ้ำๆ)
    • เข้าไปแก้ไขเพื่อลบ แต่ลบไม่ได้
     
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,932
    ค่าพลัง:
    +4,799
    (ปักหมุด85) หน้า116
    :oops::oops::oops::oops::oops::oops:o_Oo_Oo_Oo_O

    เรื่อง สืบเนื่องจากที่อจ.นพ เล่าว่า...

    "อ ทวี หรือหลวงปู่ทวี ท่านย้อนอดีตให้สิบปี
    หลังจากนั้นท่านทายอนาคตให้แบบปีต่อปี อีก ๑๐ เรื่อง
    ณ ปัจจุบันเกิดหมดแล้ว...."


    (9)**น่าศรัทธาครับ**
    ปัจจุบันท่านอยู่วัดไหนไม่ทราบ

    บุรุษไร้เงา(อจ.นพ)โพส์ตตอบ

    อ.ทวี อยู่วัดธาตุ บังพวน หรือ พังควน
    นี่หละ เส้นที่จะไป มีป้ายทางหลวง
    บอกชัดเจน อดีต นายกเคยไปหาท่านหมดแระ
    ทางไปวัดหลวงตามหาบัวครับ
    ทางเข้าจะก่อนถึง จังหวัดหนองคายประมาน ๑๐ กม.
    กุฎิท่านจะมีรายชื่อ คนดังระดับประเทศบริจาคเงินสร้างอยู่
    ความจริงข้าราชผู้ใหญ่ที่นั่นก็ไปหาท่านปกติครับ
    ล่าสุดไปตอนก่อนจะบวช
    ก่อนที่จะทำงาน จะไปขอให้ท่านบวชให้
    แต่พอดี ลุงคนดัง ที่บุรีรัมย์ เจ้าของสโมสรฟุตบอล
    ปาดหน้าฝากเด็กไว้แล้วก่อนหน้า
    เพียงแค่วันสองวัน คนหนึ่ง ๕๕


    ท่านเลยถามว่าจะไปอยู่กับใคร
    เลยบอกไป ท่านบอกว่าอยู่ที่นั่นดีแล้ว
    ท่านเลยสอนการปฎิบัติ
    ตนแทนตั้งแต่ต้นจนจบ


    ตอนนั้นเข้าไปนั่งอยู่ไกลๆ เพราะมีข้าราชการ
    ผู้ใหญ่นั่งอยู่เยอะ
    แต่ท่านตะโกนถามมาแต่ไกล ก็เลยโชคดีไป
    ส่วนบทคาถา นั้นท่านให้ ญ ท่านหนึ่งไป
    ปัจจุบันเป็น อ.มหาลัยรัฐฯมีชื่อ เป็นเด็กทุน
    กาญจนา(ทุนในหลวง)ด้วย
    เป็นคาถาทำให้เรียนหนังสือเก่ง
    ความจำดีนั่นเองท่านบอกอย่างนี้


    แล้วก็ให้ส่วนตัวเป็นคนที่สอง
    เป็นเด็กทุนเหมือนกัน คือทุน
    มารดาซาว่า(ทุนแม่ตรูเอง ๕๕๕)
    ก็คือบทข้างล่าง ให้ต่อได้ไม่หวงครับ

    ขอแค่เพียงให้จดใส่กระดาษ
    และให้ท่องจำให้ได้ก่อน
    พอท่องจำได้แล้ว
    ให้นำกระดาษนั้นไปเผาเทียนทิ้งด้วย
    ไม่งั้นจะลืม เทวดาที่ให้ท่านบอกมาอย่างนี้
    เวลาจะบอกใครต่อ ต้องเน้นเรื่องนี้ด้วยครับ

    “พุทธะ จิตตะ
    ธรรมจิตตะ
    สังฆะจิตตะ
    สาธุข้าพเจ้าขอยกมือไหว้พระ
    อรหันต์ตาเจ้าทั้ง ๘
    ขอจงย้ายธรรมเข้ามาในอก
    ยกธรรมเข้ามาในใจ
    ข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้
    เป็นต้นไปด้วยเทิด
    อม สะ หม ติด”(สี่คำท้ายอ่านออกเสียง
    คำละพยางค์นะครับ เช่น อม อ่านว่า อม ไม่ใช่ อะมะ)


    เรื่องพยากรณ์ตามเรื่องราวที่นำมาลงครับ
    พระสารีบุตร เป็นเอกลักษณ์ นักปฎิบัติ
    ที่บรรลุธรรมได้ครับ ท่านไม่ได้บรรลุธรรม
    จากการนั่งสมาธินะครับ
    การนั่งสมาธิไม่ได้ทำให้บรรลุธรรม
    เหมือนที่หลงเชื่อกันมานะครับ
    มีแต่ถูกสภาวะในสมาธิมันหลอกเอาครับ
    ถ้าเผลอไปยึดกิริยาที่เกิดในสมาธิครับ

    ท่านบรรลุจากการที่ฟัง
    พระพุทธฯท่านตรัสเพียงแค่ ๔ คำ
    ให้พระสารีบุตรฟัง ตอนที่ท่านบรรลุ
    ท่านมาพร้อม ความสามารถทางวิชชา ๓ และปฎิสัมภิทาญาน ๔ ครับ
    นี่ครับ ลักษณะของคนบรรลุธรรมจริงๆ
    คือ จะมีความสามารถที่จิตเคยสะสมมา
    ขึ้นมาใข้งานได้เลยครับ ไม่ว่าด้านไหน
    จะทางความสามารถหรือทางปัญญา
    ก็แล้วแต่คนครับ จำไว้เลยว่า
    คนบรรลุธรรมจริงๆต้องแบบนี้ครับ ^_^

    สมัยนี้มีแบบค่อยๆ(ทั่วไป)
    กับ เข้าใจไปเองครับ
    แต่เข้าใจไปเองมากกว่า ทั้งๆที่ไม่มี
    ความสามารถอะไรเลย เยอะแยะครับ
    ยิ่งสายยึดตำราต่างๆ
    หรือยึดครูบาร์อาจารย์ตนเองท่านเดียวครับ

    ปล หลวงพ่อมีชื่อในอดีต ไม่ต้องห่วง
    ถ้าเรามีวาระ ถึงเวลาเราจะได้พบเจอ
    ท่านเองในว่ารูปแบบใดๆ
    และถ้ามีวาระทางปฎิบัติเด่วจะพบ
    ท่านมาแนะทริคการปฏิบัติให้เอง
    โดยไม่ต้องไปแสวงหา แต่เหตุแห่งการ
    ที่ท่านจะเข้ามาเราต้องสร้างเองครับ
    ซึ่งก็บอกไม่ได้เหมือนกัน

    ไม่งั้นถ้าไม่ได้ท่านแนะ บางกรรมฐาน
    ที่ไม่ใช่วิชาที่รู้ๆกันหรือ
    ใครก็รู้ทั่วประเทศนะครับ

    ให้ฝึกทั้งชีวิตก็ยากจะสำเร็จได้ครับ
    ตรงนี้จะรู้กันแบบลึกๆ จำนวนไม่มากครับ
    ส่วนมากที่เฝื่อกันร้อยละ ๙๐ นั้น
    เพราะ หลงตัวเอง ชอบเอามาท่านมาอ้างเสริมตน
    สร้างชื่อเสียง ข่มคนอื่นๆเอา
    หากินกันหรือใช้ในทางที่ท่านไม่ให้ทำ
    เช่นไปเป็นหมอดู ทำนายทายทักครับ
    พวกนี้ถือว่า นอกคอกครับ มีเยอะแยะครับ
    พวกนี้จะฝึกกรรมฐานที่สร้างให้จิต
    เกิดกำลังจิตไม่มีทางสำเร็จในชาตินี้ครับ
    แต่จะคิดว่าตนเองดีกว่า เก่งกว่าใครครับ
    ส่วนนี้เล่าให้ฟังเฉยๆ
    ไม่ใช่แบบพระสงฆ์ที่ท่านทำนายนะครับ
    คือท่านเกิดเอง อย่าเอามาเปรียบกัน
    และเจตนาในการใช้งานก็คนละแบบครับ

    ในส่วนกลุ่มที่ใช้ทางจิตได้
    ส่วนตัวเคยได้สนทนามาหลายท่าน
    พบว่า บทคาถา คำว่า
    “นะ โม พุท ธา ยะ” จะครอบคลุมกว่า
    ใข้งานได้หลากหลาย แล้วแต่จะใช้ด้านไหน
    แล้วก็เป่าตัด (เคยเห็นที่ท่านเป่าลม
    แล้วต้อง ทำปาก ผุดๆ พ่วงๆ นั้นหละ
    เค้าเรียกเป่าตัด คือตัดจากต้นกระแส
    ที่ไปเชื่อม)
    นอกจากในเรื่องวิชาเฉพาะอื่นๆ
    เชื่อไหมว่า กลุ่มคนใช้งานทางจิตได้
    เวลาต้องมีคาถากำกับ
    จะถ่องไม่กี่คำหรอกครับ
    แบบรู้ๆกัน
    ถ้ากำลังใช้งานมันถึง
    ยังไงก็ได้ผลครับ


    ไม่เหมือน หมอผี หมอธรรม
    ร่างทรง หมอทำคุณไสย
    พวกทำไสยศาสตร์หรือสายดำต่างๆ
    (ไม่นับที่สืบเชื้อกันมานะครับ
    เพราะกลุ่มนี้เค้าเป็นสายเลือดคนละแบบ
    กับที่บอก ซึ่งหลายคนเค้าสร้างประโยชน์
    ในชุมชนเค้าอยู่ครับ)
    ที่ต้องถ่องจนหน้านิ้วคิ้วขมวดครับ
    ซึ่งมันเป็นคนละวิถีจิต
    คนและแนวทาง
    คนละกำลังสนับสนุน
    และที่สำคัญคือยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
    แต่ก็ให้ผลดีกับบางกลุ่มได้อยู่ครับ

    ปล1 แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
    ปนนิทาน. ^_^
    (บุรุษไร้เงา, 24 พฤศจิกายน 2018)
    :rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,486
    บังเอิญมาก คุณ ๙ พึ่งไปพบสนทนากับท่านเมื่อวันที่ 15 กลางเดือนนี้เองครับ...
     
  5. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,245
    ค่าพลัง:
    +10,155
    ฝัน 2/6/2568

    ข้าพเจ้าฝันไปว่า ได้เดินออกจากบ้าน ไปบริเวณข้างบ้านที่เป็นที่ดินเปล่าๆ ข้าพเจ้า มารดา และเพื่อนอีกคนช่วยกันสร้างพระเจดีย์ทราย ซึ่งมาขนาดสูงราวๆ 3-4 เมตร องค์ไม่ใหญ่มาก เป็นเนื้อทราย จากนั้นไม่นานก็มีผู้หญิงชุดขาวเดินมาบอกว่าตรงนี้สร้างไม่ได้นะ เดี๋ยวจะมีคนมาอยู่ จากนั้นพระเจดีย์ทรายก็กลับกลายย่อขนาดลงกลายเป็นเจดีย์สีขาวอันเล็ก โดยเจดีย์นั้นแยกเป็น 3 ส่วน ข้าพเจ้าถือส่วนฐานสีเหลี่ยมสีขาว เพื่อนข้าพเจ้าถือส่วนเจดีย์ ส่วนมารดาข้าพเจ้าถือยอดพระเจดีย์ และก็ถูกส่งมาสถานที่แห่งนึง เหมือนเป็นวัดป่า ข้าพเจ้า มารดาและเพื่อนจึงนำ 3 ชิ้นมาประกอบรวมกันเป็นพระเจดีย์ จากนั้นตรงช่องพระประธานก็ปรากฏเป็นองค์หลวงปู่ทวดสีขาว แต่น่าแปลกคือมีสีแดงและสีน้ำเงินเปื้อนตรงองค์หลวงปู่ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าไม่น่าถวายวัดได้ จึงเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดรอยเปื้อนออกจากองค์หลวงปู่ หลวงปู่ก็กลับมาเนื้อสีขาวเหมือนเดิม แต่อยู่คนทั้งหมดก็หายไปหมดและเหลือข้าพเจ้าทำพระเจดีย์อยู่คนเดียวจนเสร็จ แต่ก็ยังไม่ได้ถวายวัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,932
    ค่าพลัง:
    +4,799
    (ปักหมุด86) หน้า117
    :oops::oops::oops::):););):(:(:cool::cool:
    เรื่อง อ่านแล้วคิดตาม เพื่อปลุกสติคืนกลับมา

    โพสต์โดยบุรุษไร้เงา(อจ.นพ)

    หญิงงามพาโชคร้าย
    By เนี่ยฟง(แต่ตามหญิงตลอด ๕๕)

    ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์
    ข่มขืนใจนักชั่วนิจนิรันดร์
    By ตือโป๋ยไก่ ( แต่ตอนเป็นคน
    โครตเจ้าชู้ ปัจจุบันเป็นเทพสำราญ ๕๕)

    ไล่หมาอย่าจนตรอก
    อำนาจมีอย่าใช้หมด
    ตัดหนทางจะสิ้นบุญ
    วาสนาจะสิ้นตาม
    By เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน
    ผู้สำเร็จฝ่ามือยูไล

    อะไรที่เป็นของเราจริงๆ
    ไม่ว่าใครก็เอาไปไม่ได้
    By ท่านพราหมณ์ ผู้ล่วงลับ
    ไปแล้วท่านหนึ่ง

    ไม่กล่าวถึงอดีตที่ล่วงผ่านมาแล้ว
    ไม่พูดถึงอนาคตที่มายังไม่ถึง
    “รักษาความบริสุทธิ์ของใจ
    ให้ขาวรอบในปัจจุบัน”

    แนวคำสอน พระพุทธฯ ไม่ว่าจะ
    พระองค์ใดก็ตาม เรื่องการอารมย์
    ปัจจุบัน

    ปล. ดินแดนถิ่นกาขาว
    ** ธรรมชาติของกาสีอะไร คือสีดำ
    หาใช่ฝั่งมังค่า**
    ฝากให้คิดกันเล่นๆ พอขำๆ
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::eek::rolleyes::rolleyes:
    (บุรุษไร้เงา, 27 พฤศจิกายน 2018)

    (หมายเหตุจาก 9)
    ไล่หมาอย่าจนตรอก
    อำนาจมีอย่าใช้หมด
    ตัดหนทางจะสิ้นบุญ
    วาสนาจะสิ้นตาม


    "เหนือสิ่งอื่นใดคือควรมีเมตตาธรรมเพื่อคุ้มครองโลก"
     
  7. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,932
    ค่าพลัง:
    +4,799
    "บุรุษไร้เงา, post: 12149952, member: 111296"]
    บังเอิญมาก คุณ ๙
    พึ่งไปพบสนทนากับท่านเมื่อวันที่ 15 กลางเดือนนี้เองครับ

    กระทู้นี้"เรื่องราวความบังเอิญ"เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากๆ
    อาจจะมีสิ่งเร้นลับที่มองไม่เห็นคอยกำกับวันเวลาให้
    ส่วนตัวก็เกิดความฉงนใจนับครั้งไม่ถ้วน

    พูดถึงพระอาจารย์ทวีที่อจ.นพโพสต์ไว้เมื่อพฤศจิกายน2518
    อ่านแล้วเกิดความศรัทธา
    หลังจากนั่นไม่กี่วันผมได้โทรไปสอบถามทางวัด
    ว่ามีการจัดสร้างองค์ลป.นาคขนาด 5" หรือไม่
    ได้รับคำตอบว่าสร้างเฉพาะ 7" 9"

    NjpUs24nCQKx5e1D68UWbKnQTF1igC0nOcB6WsTOLAc (1).jpg


    NjpUs24nCQKx5e1D68UWbKnQTF1igCvNcMODkVrxtNA.jpg
    องค์ลป.นาค

    ล่าสุดอจ.นพได้ไปกราบไหว้พระอจ.ทวี
    มีอะไรดีๆเล่าให้ฟังบ้างครับ
    ขอบคุณครับ
     
  8. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,932
    ค่าพลัง:
    +4,799

    จากนั้นตรงช่องพระประธานก็ปรากฏเป็นองค์หลวงปู่ทวดสีขาว
    แต่น่าแปลกคือมี สีแดงและสีน้ำเงิน เปื้อนตรงองค์หลวงปู่

    ข้าพเจ้าจึงคิดว่าไม่น่าถวายวัดได้
    จึงเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดรอยเปื้อนออกจากองค์หลวงปู่
    หลวงปู่ก็กลับมาเนื้อสีขาวเหมือนเดิม
    แต่อยู่คนทั้งหมดก็หายไปหมด

    ความฝันนี้น่าสนใจเหมือนเป็นปริศนา**ลางบอกเหตุ**
    จึงขอทายทักว่า
    ลป.ทวดท่านรับรู้และเป็นห่วงถึงปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้
    ใครทำอะไรผิดจงสำนึก ไปกราบขอขมาลป.ทวด ณ ที่ใดก็ได้
    ก่อนที่ทุกสิ่งจะสายเกินแก้

     
  9. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,245
    ค่าพลัง:
    +10,155
    ท่านนายคิดเหมือนผมไหม
    สีแดง = ชาติ
    สีขาว = ศาสนา
    สีน้ำเงิน = พระมหากษัตริย์
     
  10. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,245
    ค่าพลัง:
    +10,155
    ChatGPT Image 9 มิ.ย. 2568 15_34_23.png
     
  11. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,932
    ค่าพลัง:
    +4,799
    (ปักหมุด87) หน้า117
    :oops::oops::oops::oops::oops::cool::cool::cool::cool::cool:

    เรื่อง วิธีตัดวิบากกรรม ตัดสัญญาพ่วงพันธุ์
    ตัดคำสาบานจากอดีตชาติที่มีให้ไว้ต่อกัน


    โพสต์โดยบุรุษไร้เงา(อจ.นพ)

    เอาว่าเป็นนิทาน ประเพณี ความเชื่อนะ
    มีเค้าเรียกวิธีการตัดสัญญาพ่วงพันธุ์
    หรือตัดวิบาก
    คือการที่ปัจจุบันยัง สามารถทำให้เรา
    สามารถระลึก นึกขึ้น คิดได้อยู่นั่นหละ
    ถ้าตรงนี้มันขาดจริง ให้พยายามนึก
    ยังคิดไม่ออกเลย. ทุกเรื่องนั้นหละ
    ถ้าวิบากมันหมด

    วิธีการแบบนี้มีมาก่อนพุทธศาสนาอีก
    เป็นขั้นตอนในการตัดสัญญาทุกกรณี
    ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
    เช่น กรณีสืบเชื้อแล้วต้องการตัด
    หรือได้รับให้สืบเชื้อแต่ไม่ต้องการสืบ
    ไม่ว่าจะร่างทรง
    หมอผี หมอธรรม
    กรณีไปยกขันธ์ต่างๆมาได้หมด

    แบบที่เจนถามก็ได้

    ยกเว้นการไปอฐิษฐานตัดต่อหน้าองค์พระ
    กรณีคนปฎิบัติที่ต้องการตัดวิบากตรงนี้
    เหตุเพราะมีเรื่องของ ญ หรือ ช
    ที่มาเป็นเหตุให้มีกะแสจรเรื่องนี้เข้ามาวกวน
    ทั้งที่มีเข้ามามาก แต่ไม่ได้ดั่งใจ
    กลายเป็นทุกข์แทน
    และ ไม่มีเข้ามาเลย
    เลยอยากจะมีก็เป็นทุกข์อีก
    เพราะบางทีเผลอไปสัญญาไว้กับ
    ใครในชาติก่อน แต่เค้ายังไม่มาเกิด
    หรือเกิดเป็นอย่างอื่น ซึ่งเราไม่รู้หรอก
    จะกลายเป็นกะแสพ่วงพันธ์

    ตรงนี้จะทำให้เรายังวกวนไม่จบไม่สิ้นนั่นเอง
    คืออย่างไงก็ต้องมาเกิดอีกนั่นหละ

    ถ้าคนปฎิบัติตัดต่อหน้าพระ
    จะทำให้การฝึกกรรมฐานไปได้เร็ว
    ถึงขั้นสำเร็จใช้งานได้
    กรณีเจนถือว่าดีและปกติ

    ปล วิบากคือทุกกะแสที่มันจรเข้ามา
    :rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes:

    (บุรุษไร้เงา, 27 พฤศจิกายน 2018)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2025 at 05:12
  12. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,932
    ค่าพลัง:
    +4,799
    (ปักหมุด88) หน้า118

    เรื่อง การระลึกชาติได้ มีจริงหรือ ?

    [​IMG] เสฐียรพงษ์ วรรณปก
    [​IMG]

    ที่มา
    มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 ตุลาคม 2561
    คอลัมน์ เสฐียรพงษ์ วรรณปก
    ผู้เขียน เสฐียรพงษ์ วรรณปก
    เผยแพร่ วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2561
    การระลึกชาติได้

    ข้อยืนยันการตายเกิดต่อไปอีก การระลึกชาติได้ของคนบางคนเคยได้ยินข่าวไหม มีการระลึกชาติได้ มีคนระลึกชาติได้ มีฝรั่ง 2 คน ชื่อ ดร.เอียน สตีเวนสัน กับ ดร.ฟรานซิส สโตรี่ สองคนนี้สนใจเรื่องการระลึกชาติ

    พอได้ข่าวว่ามีคนระลึกชาติได้ที่ไหนในโลกนี้ ตามไปสัมภาษณ์ ตามไปเก็บข้อมูล แล้วรวมพิมพ์เป็นหนังสือ กับกรณีคนที่ระลึกชาติได้ทั่วโลกถ้าใครสนใจก็ไปอ่านเอา เรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์จริงที่เกิดขึ้น มีคนพิสูจน์ไว้แล้ว

    การระลึกชาติได้ก็มียู่ 3 สาเหตุ

    1. ระลึกได้เองตั้งแต่เกิด อยู่ๆ ก็ระลึกได้เอง

    2. ถูกสะกดจิตให้ระลึกย้อนหลังอันนี้สามารถทำได้ นักสะกดจิตที่เก่งๆ สามารถสะกดจิตคนให้นึกถึงเรื่องราวในชาติก่อนได้

    3. ระลึกได้ด้วยปุพเพนิวาสานุสติญาณ อันนี้ต้องผ่านการฝึกสมาธิ

    การระลึกชาติได้ทั้ง 3 แบบ แบบที่ 1 แบบที่ 2 ไม่แน่นอน โดยเฉพาะแบบที่ 1 ระลึกได้เองตั้งแต่เกิด มักจะเป็นชาติต่อชาติ ระลึกย้อนหลังไกลๆ ไม่ได้ คือ หมายความว่า ตายจากชาตินี้ไปเกิดใหม่ระลึกได้ อาจเป็นเพราะว่าสภาพจิตยังไม่กระทบกระเทือนมาก ยังเก็บความจำไว้ได้อยู่

    แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า พวกนี้พอโตมาก็จะลืม

    ประเภทที่ 2 คือถูกสะกดจิตนั้น ไม่สามารถทำให้ระลึกได้ยาว อย่างเก่งก็ระลึกชาติได้ชาติเดียว แล้วก็อาจจะทำได้ไม่ดีด้วย

    ที่แน่นอนที่สุดคือ ระลึกได้ด้วยวิธีการฝึกสมาธิ ถ้าผ่านการฝึกสมาธิจนกระทั่งได้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ก็สามารถระลึกชาติได้

    การระลึกชาติได้ก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งว่า คนเรามีการตายเกิดจริง

    ความมีอยู่แห่งชาติก่อนชาติหน้า นรก สวรรค์

    ประเด็นต่อไปคือ ยังไม่มีใครพิสูจน์ว่าชาติหน้าไม่มี ชาติก่อนไม่มี ยังไม่มีใครพิสูจน์

    มีแต่คนยืนยันว่าชาติก่อนมี ชาติหน้ามี นรกสวรรค์มี

    ถามว่ายืนยันที่ไหน

    ยืนยันในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสไว้มากมายในพระไตรปิฎก

    เรื่องนรก เรื่องสวรรค์ ก็ตรัสไว้มากมาย

    ยืนยันหนักแน่นว่ามีสิ่งเหล่านี้

    ปัญญาชนไม่ควรรีบรับหรือรีบปฏิเสธ

    จากการที่พูดมาทั้งหมดนี้ ต้องการชี้ให้เห็นว่าทางพระพุทธศาสนาเชื่อในเรื่องกรรม เรื่องสังสารวัฏอย่างไร

    เพราะฉะนั้น สิ่งที่อยากจะฝากพวกเราในที่นี้ก็คือว่า ในฐานะที่เป็นปัญญาชน (เขายกย่องให้เป็นอย่างนั้นเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอเข้าอุดมศึกษาแล้ว “ฉันเป็นปัญญาชน” หนังสือไม่เคยอ่านสักเล่ม “ฉันเป็นปัญญาชน”)

    ในฐานะที่เป็นปัญญาชน อย่ารับอะไรง่ายๆ อย่าปฏิเสธอะไรง่ายๆ ถ้ามองแบบพุทธต้องมองให้รอบด้าน มองให้ครอบคลุมที่สุด อย่ามองแง่เดียวมุมเดียว มองแง่เดียวมุมเดียว มีส่วนผิดได้มาก แม้เพียงเรื่องเล็กก็ผิดง่าย โดยเฉพาะเรื่องละเอียดลึกซึ้งอย่างเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดยิ่งจะต้องดูอย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม

    นักศึกษาสมัยใหม่มักจะพูดเพราะคิดว่าพูดอย่างนี้ทำให้คนเป็นคนทันสมัย ให้เขาได้รับรู้ว่าตนเองเป็นคนทันสมัย ผมไม่เชื่อหรอกเรื่องนรกสวรรค์ เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ผมไม่เชื่อ แต่พอซักเข้าแล้วก็จน

    ถามว่า “ไม่เชื่อเพราะอะไร”

    “พิสูจน์ไม่ได้”

    “แล้วคุณเชื่ออะไร”

    “เชื่อวิทยาศาสตร์” รู้สึกว่าโก้นะ ที่พูดว่าวิทยาศาสตร์ขึ้นมารู้สึกมันภูมิใจ “ผมเชื่อวิทยาศาสตร์”

    ถาม “ทำไม”

    “มันพิสูจน์ได้” คือไม่เชื่อนรกสวรรค์เพราะพิสูจน์ไม่ได้ เชื่อวิทยาศาสตร์เพราะพิสูจน์ได้

    พอถามเข้าไปอีกว่า “ไม่ใช่ ผมไม่ได้พิสูจน์”

    “อ้าว ถ้าคุณเชื่อวิทยาศาสตร์เพราะเหตุเพียงว่าคุณก็ไม่ได้พิสูจน์ คุณก็น่าจะเชื่อพระพุทธศาสตร์เพราะเหตุเพียงคุณก็ไม่ได้พิสูจน์เหมือนกัน ไม่เห็นมีอะไรแตกต่าง”

    เขาก็บอกว่า “วิทยาศาสตร์มันพิสูจน์ได้”

    “อ้าว พระพุทธศาสตร์ก็พิสูจน์ได้ เรื่องนรกสวรรค์ก็พิสูจน์ได้”

    ถามว่า “ใครพิสูจน์”

    “ก็พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ไปดูซิ เดี๋ยวจะหยิบมาให้ดูเดี๋ยวนี้ หลักฐานบันทึกไว้เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ที่เขาค้นพบกฎวิทยาศาสตร์ต่างๆ เขาก็เขียนเป็นทฤษฎีไว้ มีหลักฐาน พระพุทธเจ้าก็เขียนไว้ในพระไตรปิฎก”
    พอพูดอย่างนี้ก็จน ไม่มีปัญญาเถียง


    เรื่องเกี่ยวกับปาฏิหาริย์
    เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ก็เหมือนกัน ความจริงไม่ได้เป็นเรื่องลึกลับอะไร

    แต่ทำไมคนสนใจมาก และก็ไม่ค่อยเข้าใจด้วย

    เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับ ปาฏิหาริย์ กับพระพุทธศาสนาท่านพูดไว้ชัดเจน ต้องจำไว้ด้วย

    พระพุทธศาสนา ไม่ได้ปฏิเสธอิทธิปาฏิหาริย์นั้น เป็นสิ่งที่เราจะต้องใส่ใจ

    ปาฏิหาริย์ในทางพุทธศาสนา
    ในทางพุทธศาสนาถือว่าปาฏิหาริย์มีหลายอย่าง

    1. อิทธิปาฏิหาริย์ แสดงฤทธิ์เดชได้ เหาะเหินเดินอากาศ
    คนเดียวเนรมิตเป็นหลายคนได้ เดินบนน้ำ บนอากาศ

    อะไรต่างๆ ได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เหลือวิสัย ทำได้ พระพุทธศาสนาก็ยอมรับว่ามีจริง ทำได้จริง

    ปาฏิหาริย์คือทำอะไรในสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ ปาฏิหาริย์ทางกายภาพ ถ้าคุณไม่ฝึกฝน คุณก็ไม่สามารถที่จะทำได้ เช่น นักกายกรรม เขาทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้นั้นแหละคือปาฏิหาริย์ ทางกายภาพที่มองเห็นทางด้านจิตก็เหมือนกัน คุณฝึกจิตถึงที่สุดคุณก็สามารถรู้เห็นอะไรได้ บังคับอะไรต่ออะไรได้ พุทธศาสนายอมรับว่าอิทธิปาฏิหาริย์มีจริง นี่เป็นปาฏิหาริย์ ประเภทที่ 1

    2. ทายใจคนอื่นได้ อ่านใจคนอื่นออก เช่น คุณคิดอะไรผมทายได้ผมบอกได้ทันที อย่างนี้ก็เป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง

    3. การสอนเป็นอัศจรรย์ คือ การที่คุณสามารถสอนให้คนได้ซาบซึ้งตระหนักในคุณ ในโทษ แล้วก็เลิกละความชั่วทำความดี อันเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งที่สอนคนให้เกิดผลจริง พระพุทธเจ้าเรียกว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าปาฏิหาริย์อย่างที่หนึ่งกับอย่างที่สองนั้นไม่สำคัญหรอก สู้อย่างที่สามไม่ได้

    อย่างที่สามที่เราไม่คิดว่าเป็นปาฏิหาริย์นี้แหละเป็นปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ที่ควรสรรเสริญ

    พระพุทธศาสนาสรรเสริญเฉพาะปาฏิหาริย์อย่างที่สาม คือสอนคนชั่วให้กลายเป็นคนดีได้ โจรองคุลิมาลไล่ตามพระพุทธเจ้า ตะโกนก้อง “หยุดสมณะ หยุด” พระองค์ทรงสอนให้เขาวางดาบ กลับใจเลิกละความชั่ว

    ใครทำอย่างนี้ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง

    และเป็นปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ

    ปาฏิหาริย์ต้องห้าม

    เพราะฉะนั้น อิทธิปาฏิหาริย์เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่พระพุทธเจ้าไม่ให้ถือเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะว่าไม่ใช่ทางนำไปสู่การดับทุกข์ บางทีอาจจะเป็นทางนำไปสู่การสร้างทุกข์ สร้างความพินาศฉิบหายให้แก่คนอื่นได้ เพราะฉะนั้น อิทธิปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าจึงไม่สรรเสริญ และไม่อนุญาตให้พระแสดง

    มีครั้งหนึ่ง เศรษฐีคนหนึ่งได้บาตรไม้จันทน์มาอย่างดี เอาไปแขวนไว้บนต้นไม้ แล้วประกาศทั่วเมืองว่า ในโลกนี้มีคนคุยว่ามีพระอรหันต์ อยากจะรู้ว่ามีจริงหรือไม่ ถ้าใครสามารถเหาะมาเอาบาตรนี้ได้ ข้าพเจ้าจะนับถือเป็นอาจารย์ ประกาศอยู่ตั้งหลายวัน ไม่มีใครทำได้

    พระโมคคัลลานะกับพระปิณโฑละ ภารทวาชะ เดินไปบิณฑบาตได้ยินคนเขาโจษจันกันว่าไม่มีพระอรหันต์หรอกในโลกนี้ มีแต่คนคุยโม้ว่าเป็นพระอรหันต์ พอเศรษฐีทดสอบ 7 วันผ่านไปแล้วไม่เห็นมีใครมีความสามารถเหาะเหินไปเอาบาตรได้

    พระเถระ 2 รูปก็หันมามองตากันและบอกว่า เขากำลังเข้าใจผิดว่า อิทธิปาฏิหาริย์ไม่มีใครสามารถทำได้ พระโมคคัลลานะก็เลยบอกพระปิณโฑละว่า “พระคุณเจ้าแสดงให้เขาดูซิ” พระปิณโฑละก็เลยเหาะไปเอาบาตร พอเหาะไปเอาบาตรเท่านั้น เศรษฐีก็ก้มลงกราบแทบเท้า กล่าวด้วยความดีใจว่ามีพระอรหันต์จริงๆ

    ประชาชนก็พากันมามุงดู ส่งเสียงอื้ออึงติดตามพระปิณโฑละกลับไปเชตะวัน พระพุทธเจ้าได้ยินเสียงคนจ๊อกแจ๊กจอแจ ตรัสถามพระอานนท์ว่า ทำไมคนมากมายเหลือเกิน

    พระอานนท์กราบทูลว่า “ตามพระปิณโฑละมา เพราะพระปิณโฑละเหาะไปเอาบาตรไม้จันทน์ของเศรษฐี แล้วประชาชนก็แตกตื่นตามกันมา”

    พระพุทธเจ้ารับสั่งให้ประชุมสงฆ์ เรียกพระปิณโฑละมาถามว่า ที่เขาว่าเธอเหาะไปเอาบาตรของเศรษฐีนั้นจริงหรือ พระเถระก็กราบทูลว่าจริง

    แทนที่พระพุทธเจ้าจะสรรเสริญ พระพุทธเจ้ากลับตำหนิใช้คำแรงว่า “โมฆบุรุษ” (แปลว่า บุรุษเปล่า) เธอแสดงอิทธิปาฏิหาริย์โดยไม่จำเป็น

    ทีนี้ คำถามต่อมา ถ้าจำเป็นแสดงได้ไหม?

    ได้ แต่ต้องพิจารณาดู พระพุทธเจ้าก็แสดงปาฏิหาริย์บางครั้ง บางครั้งก็สั่งให้พระโมคคัลลานะไปแสดงปาฏิหาริย์ เพื่อจะได้ไปโปรดสอนคน บางคนที่เขาเชื่อมั่นแต่ในเรื่องอิทธิฤทธิ์ เรื่องอื่นเขาไม่สนใจ จะสอนอย่างไรเขาไม่สนใจ แต่ถ้าแสดงอิทธิฤทธิ์เขาจะเชื่อ อย่างนี้พระพุทธเจ้าก็อนุญาตให้พระโมคคัลลานะไปแสดงเหมือนกัน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ถ้าแสดงปาฏิหาริย์เพียงเพื่อผลของปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าก็ไม่ให้ทำ

    พูดง่ายๆ ว่า แสดงเพื่อให้เขารู้ว่าฉันนี่เก่งนะ ฉันเหาะได้นะ เพื่อจะอวดเขา ปาฏิหาริย์อย่างนี้ไม่อนุญาตให้ทำ

    แต่ถ้าแสดงปาฏิหาริย์เพื่อเป็นบันได เป็นเครื่องมือชักจูงคนคนนั้นให้เข้าสู่ธรรมะ ท่านอนุญาต

    ประเด็นนี้เป็นประเด็นของพระพุทธศาสนา เราจะแขวนพระเครื่องได้ แต่แขวนเพื่อเป็นสื่อสำหรับให้เรานึกถึงพระพุทธคุณ แล้วดำเนินตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน? ถ้าเป็นอย่างนั้นใช้ได้ แต่ถ้าแขวนพระเพียงเพื่อที่จะให้ขลัง ไปทำชั่วอะไรสารพัดอย่างให้เขาฟันไม่เข้า ยิงไม่เข้า อย่างนั้นมันผิดหลัก ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง

    รู้สึกว่าเวลาหมดแล้ว ก็ขอยุติเพียงเท่านี้
    ขอบคุณแหล่งที่มา มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 ตุลาคม 2561
    คอลัมน์ เสฐียรพงษ์ วรรณปก
    ผู้เขียน เสฐียรพงษ์ วรรณปก
    เผยแพร่ วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2561
    การระลึกชาติได้



    (9@Phonlee, 27 พฤศจิกายน 2018)



    แก้ไขลบออกแจ้งทีมงานเก็บไว้ดู
    #2344+ อ้างอิงตอบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...