ไปดู สันโดษอ่านพระไตรปิฎก ตลก ๆ กัน เตอะ...... อ่านผิดด้วย ติดนึง ขอโต๊ด เอกบุคคลบาลี [IMG] สองคนนี้ แม๊ว มาก ไป เอ็ม เอส เอ็น เลยซิค้าบบบ พี่น้อง
[IMG][IMG][IMG][IMG][IMG] ชมสันโดษเต้นจั๊มบะกระด๊อกกระแด๊กแก้กลุ่มระหว่างที่สนใจจะแก้ชื่อ แต่จริงๆ จะไปแก้ทำไม ถ้าคุณไม่อธิบายที่ไปที่มา ไม่เอามาพูดเล่นอีก เดี๋ยวเพื่อนๆก็ลืมไปเอง ดูทันไหมว่า มันมีความอยากเกิดขึ้น ก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรกันแน่ แต่มันผลักดัน ให้เราเห็นว่า เออ เปลี่ยนชื่อก็ดี แต่ลืมไปว่า ชื่อที่โชว์อยู่นะ ไม่เห็นมีอะไรเลย นัยแฝงต่างหากที่มันมี ถ้าไม่พูดอีก แล้วใครจะรู้ละ สุดท้ายคือ ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ เห็นไหมว่า ความเป็นจริงถูกปิดบังไปเฉยเลย :)
ขอบคุณครับ อ๋อไม่ทะเลาะครับ เจตนาของการอ่านพระไตร คืออ่านให้ฟังง่าย นั่งหลับตาฟังไปเรื่อยๆก็ได้ ปกติผมจะเป็นคนพูดเร็ว และบังเอิญว่ามีคนชอบก็ดีไป ถ้ามันจะทำให้มีคนสนใจฟังเพื่อจะได้ศึกษาธรรมก็ถือว่าได้สร้างกุศล ที่สำคัญผมก็เพิ่งได้อ่านก็ตอนอัดเสียงนี่แหละครับ ซึ่งถ้าคุณมีอาชีพเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้คุณจะรู้ว่ามันต้องใช้สมาธิมาก (ไม่รู้ว่าเป็นสมาธิอันเดียวกันรึเปล่านะครับ) ไม่ได้มีเจตนาจะเก๊กเสียงเพื่อให้สาวๆกรี๊ดแต่ประการใด แค่อยากให้มันน่าฟังบ้างเท่านั้นเองครับ
ขออีกนิดนะ เนื่องจากเราเป็นคนเสียงหล่อ ก็แปลว่า เรามีสมาธิกับเสียงดีมาก จึงสามารถใช้ ตัวผู้รู้ ผู้ดู คอยรู้สึกในอักขระวิธี ในจังหวะจะโคนการลงน้ำหนักเสียง เรียกว่า ดูกายไปพร้อมๆกับการอัดเสียงได้น่าจะเก่งพอตัว ดังนั้น เมื่อมาเจริญภาวนาแล้ว สำคัญว่าอย่าส่งจิตออกนอก เช่น หมาเห่าข้างนอกแล้วเราก็ส่งจิตไปจับเสียงนั้น แล้วเกิดรำคาญ อันนี้ถือว่า ได้ส่งกระแสจิตออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว ตัวจิตนี้มันจะไหลไปเกาะ ไปรู้อะไร ก็ได้ ดังนั้น ถ้าออกไปข้างนอกไปเกาะสิ่งที่ไม่ใช่เรา เราก็อาจจะได้ยินเสียง ของใครไม่รู้ดังในจิตเรา แล้วเราก็โมโหตามหมา หรือสงสัยใครมาหน้าบ้าน ตามหมา ก็อย่าตกอกตกใจ อย่าพรึงเผลิดใจ อย่ายินดี สงสัย อะไร ให้กลับมาที่กายที่ใจ อ่านพระไตรปิฏกต่อไป เนี่ยะ แบบนี้ที่ผมทักว่า การใช้ชื่อดีๆ เป็นศรีแก่ตัว มันสำคัญ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ก็อาจจะรับกระแสจิตของบัณฑิตที่เพ่งลงมา มันจะหนักๆ หน่วงๆ บางทีอยู่ดีๆก็ ปวดหัวได้ แต่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นนะ อย่าไปไม่ชอบใจ หรือ ชอบใจ อย่าไปสนใจ เอาจิต มาอยู่ที่กาย ใจเราไว้ก็พอแล้ว ปิดอกุศลได้หมดทุกอย่าง
รับไม่ไหวก็บอกนะ แต่นี้ถือว่า มารับคำ หรือ ปาวรณาตัวกันแล้ว ดังนั้น นานๆ ก็จะโดน tracking แบบนี้แหละ พอโดนเข้าทีนึง สำหรับผมแล้ว แปลว่า ผมจะเข้ามาชี้กิเลส อนุสัย ให้คุณได้เห็น ด้วยวาระจิตตัวเอง แต่ก็อาจจะกลายเป็นทะเลาะกัน ก็ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าต้องการสอนแบบนุ่มนิ่มช่างโอ๋ ก็แนะนำ คุณฐานัฏฐ์นะ แต่แจ้งเรา ด้วยเด้อ ไม่งั้นจะได้ของร้อน :)
ถ้าเราเข้าใจ พอระลึกได้ถึงสภาวะธรรมที่ปรากฏในขณะอ่านพระไตรปิฏก เราก็จะเห็นทันทีว่า แท้จริงแล้วเราทำสมถะสมาธิอยู่ ก็คือการจดจ่อในการอ่าน พอใจจดจ่อในการอ่านเป็น background ไว้แล้ว และแยกผู้ดูออกมา ก็จะเห็นว่า เราสามารถเอาสมาธิที่มีอยู่ทำอยู่มาช่วยในการภาวนาเจริญสติปัฏฐาน 4 ได้ ง่ายๆ เรียบง่าย เข้าถึงความเป็นพุทธะ ตื่นจากการคิด การหลง ได้ทันที ธรรมะให้ผลทันที จิตจะเบา และเป็นกุศล ทันที แต่ถ้าเกิดหนักๆขึ้นแปลว่า เผลอไปทำสมาธิมากไป เรียกว่า เพ่ง
กรณีที่เรานั่งอ่านพระไตรปิฏกเพื่ออัดเสียง ก็เอาจังหวะนี้มาภาวนาได้ดี โดยทำไปอย่างเดิม มีสมาธิจดจ่อกับการอ่านไปตามปรกติ แต่พยายาม ทำความรู้สึกตัวว่า กำลังมองตัวเรานั่งอัดเสียงอยู่ จนกระทั่งพอเห็นเลาๆ ว่า เออมีตัวคนนั่งอัดเสียงอยู่ แบบนีเรียกว่า แยกผู้รู้ ผู้ดู ออกมา ซึ่งจะทำ ได้เป็นขณะๆ ฝึกไปเรื่อยๆ ก็จะชิน จนตั้งมั่น พอตั้งมั่นคราวนี้ก็ดูปากที่พงาบๆ ไปตามตัวหนังสือที่มีสายตาจับจ้อง แต่ดูให้ดีๆเถอะว่า เด๊ยวจิตก็แว๊บไปคิดเรื่องอื่น ทั้งๆที่ปากยังอ่านพระไตร ปิฏกอยู่ได้ บางครั้งก็ต้องเริ่มใหม่ เพราะจิตถลำไปคิดในเรื่องที่แว๊บเข้า มาเสียแล้ว อะไรแบบนี้เรียกว่า ดูคิด ของสันโดษ แต่ก็คือ ดูจิต นั้นแหละ
กุศล ก็ คือสภาวะจิตใจที่ปลอดโปร่ง สบายใจ โล่งใจ จะทำอะไรก็ดีไปหมด ทุกข์เข้ามา ก็เบยีดให้ใจตกต่ำไม่ได้ ก็จะยิ้มได้ แม้มีทุกข์แบบสามัญเข้ามา การทำบุญโดยทั่วไป จึงทำให้ จิตใจแช่มชื่นที่ได้ทำ เหมือนได้พึ่งอะไรบางอย่าง ยกวาระ จิต หรือ ภาระจิตออกไปเกาะกับสิ่งข้างนอก ทำให้จิตออกไปจากายใจตน ทำให้ เบา สบายคล้ายๆ กับมี จิตกุศล แต่ถือว่า ไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงการทำให้คล้าย ภาวะ จิตกุศลนั้น เข้าถึงได้โดยการภาวนา เจริญสติ อบรมจิตให้รู้ว่าสิ่งที่จิตไปเกาะ ไป ข้องอยู่นั้น คืออยู่ที่เรา หรือ ว่าออกไปอยู่ข้างนอก หรือว่าส่งเข้าในเกินไปจนเป็นเทวดา เป็นพรหมไป การอบรมจิต ก็แค่คอยตามดูว่าเราใช้อารมณ์ความรู้สึกอะไรผลักดันพฤติกรรมของเรา ออกไป ดูไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปดัดแปลง หรือรังเกลียดการใช้อารมณ์ เพียงแต่ถ้ามาก ไป มันจะไปทำร้ายใคร ก็ต้องถือศีลห้ากำกับไว้ก่อน จนกว่าจิตเขาจะเห็นอารมณ์อกุศลมัน ตกหล่นไปต่อหน้าต่อตาได้เอง เราก็จะค่อยๆลดการจงใจถือศีลลง ซึ่งจะเห็นว่า จิต จะหลุดออกจากภาระทั้งหลายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่เกาะเกี่ยว กับสิ่งใด ทั้งที่เรายังทำงาน ดำรงค์ชีพอยู่อย่างปรกติ ไม่ได้ดัดแปลงอะไรเลย เพียงแต่ว่า พฤติกรรมโดยรวมของคนที่มีจิตกุศลนั้น มันจะมีวจีกรรม กายกรรมดี ไปด้วยอัตโนมัติ ไม่ได้เสแสร้ง รักษาฟอร์มคอยเก๊กเสียงหล่อ เราลองดูกายเราก็ได้ ว่าตอนนี้แขม่วท้องเกร็งท้องไว้หรือเปล่า หรือว่า ปล่อยเพละลงไป ผู้ชายโดยส่วนใหญ่จะถูกสอนให้ อกผายไหล่พึ่งงุ้มคอ แขม่วท้อง เพื่อรักษารูป หรือหุ่นยามเดินนั่งนอน มันทำของมันเองจนชิน แบบนี้ก็เอามาภาวนาเจริญสติได้ เรียกว่าดูกาย ไปสู่จิต ส่วนการดูอารมณ์ปรุงแต่ง ก็คือ ดูจิตไปสู่กาย ส่วนการดูจิตสำหรับคนที่ทำสมาธิมา มันจะมีอาการเหลือจะบรรยาย ไม่ใช่ อาการของจิตแบบคนทั่วไป เช่น แน่นหน้าอก เหวี่ยงๆหวิว(เหมือนเล่นชิงช้า) ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก ก็เอาอาการของจิตเหล่านั้นมาดู มารู้สึก นี้คือขั้นต้น ยังเหลือการ ดูเวทนา และ ธรรม ซึ่งจะทำให้ครบสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นความรุ้เพียงหลักเดียวที่ปรากฏในพุทธศาสนาเท่านั้น
[IMG] ถ้าอยากสืบดูว่าผมมาทางไหน ก็ลองไปอ่านในห้อง แพน้อย ( click ที่รูป ) กำลังเกริ่น พอดี ส่วนที่ tracking คุณก็เพราะว่า มาคุยกับ เพียงนาม ซึ่งเผอิญคนนี้เราติดตาม ดูพฤติกรรมอยู่ เราก็เลยโดนร่างแหไปด้วยไง จริงๆแล้ว ไม่เคยทำสมาธิมา จะเริ่มเข้าเป็นพุทธะได้ง่ายมาก เช่น ตอนนี้ ถ้าคุณจริงใจกับตัวเอง แล้วตามดูความรู้สึก ที่ผลักดันให้เราโต้ตอบกันไป มาเป็นรูปของประโยค โดยมันจะมีนามหรืออารมณ์ใดๆ มาเกี่ยวข้องผันแปร อยู่บ้าง ก็รับรู้ของตนไปซื่อๆ ไม่ต้องดัดแปลงอะไร แบบนี้ก็เป็นพุทธะได้ง่ายๆ มีบุญกุศลกว่าที่จะอัดเสียงพระไตรปิฏกหลายเท่านัก
55 ไม่ได้ตกใจครับแค่ไม่เข้าใจ เรื่องอ่านพระไตร ก็อยากทำบุญครับ ผมยังทำสมาธิไม่ได้ มีโอกาสทำบุญด้วยวิธีอื่นที่ถน้ดกว่าก็ทำ แล้วบอกได้มั๊ยครับว่าคุณไม่ชอบผมเรื่องอะไร? ข้อความที่เขียนถึงคุณเพียงนาม ก็ขำๆ อ้างคำสอนของคุณสันโดษเท่านั้นเอง เพราะเค๊ารู้จักกัน จบข่าวครับ ^^
เอ้า ก็เป็นไปดิ เป็นคนธรรมดา ก็รู้สึกไป ว่าเป็นคนธรรมดา ไม่ต้องตกอกตกใจ มีเสียงหล่อ ทำให้สาวๆเขาชอบฟังธรรมก็ทำไป สาวๆก็ชอบอะไรที่ไพเราะรื่นหู อยู่แล้ว ก็ว่ากันไป ไม่ได้ทำผิดอะไร จะตกใจไปทำไม ไม่ชอบก็ให้รู้สึกไปว่าไม่ชอบ อยู่บนเวที(เว็บบอร์ด)แล้ว ย่อมมีสายตา จับจ้องเป็นธรรมดา
svpfe [IMG] กิจกรรมล่าสุด: วันนี้ 09:01 PM Current Activity: Viewing Thread ดูดวงพร้อมบอกวิธีแก้ไขด้วยกรรมดีให้นะครับ
สำหรับที่นี้ คือที่ที่สันโดษเเละ เพื่อนๆจินตนาการว่า ถอดจิตจากโลก มนุษย์ คะ พวกเรา เข้าไปเล่นตามห้องนู่น ออกห้องนี้ จินตนาการเอาว่าเป็น สวรรค์คะ ไม่ว่า พวกเราปราถนานิพพาน หรือ พุทธภูมิก็เเล้วแต่ นะคะ ก็ดีทั้งนั้นเลยคะ สำหรับสันโดษเวลาเข้ามาที่นี้ ....... สันโดษจะปิดมือถือ ปิดการติดต่อ และ ให้ ตนเองเป็นเหมือน จิต จิตที่ปราถนาดีเเละมอบสิ่งดีๆ ผ่านโดย คุณตัวอักษรทั้งหลาย มนุษย์ปัจจุบันได้ใช้เวลากับอินเตอร์เน็ต วันละหลายชั่วโมง ดังนั้นความคิดคุณธรรมและการหล่อหลอม ความเป็นคนไม่ว่าจะดีหรือไม่ได้เกิดที่นี้ สันโดษจึงตั้งใจหาสิ่งดีๆ และ ตัวหนังสือที่ดีๆ เพื่อจรรโลงใจเพื่อนๆ ให้ มี จินตนาการที่สวยงาม อย่างไร้ขอบเขต เเห่งการสร้างความดี สันโดษ คิดว่า ทำดี สำหรับ คนที่สันโดษรู้จัก จาก 1 เป็น 2 จนตอนนี้ ความดี ที่สันโดษสร้าง ขยาย มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงเเม้ ตัวอักษร จะ ไม่มีราคา ไม่มีความหมาย แต่ ชั่วขณะหนึ่ง เรา สามารถ ทำให้คน บ้างคน หยุดคิด หยุดทุกข์ได้ เเม้ เพียง วินาทีเดียว ที่ทำให้คนมีความสุข เท่านี้ โลกเรา ก็ ความสุข 1 คน ในวินาทีนั้นคะ ขอให้ มีความสุข และ รักตัวเองก็พอนะคะ เเม้เพียงวินาทีเดียว ก็ดีกว่า ไม่รู้จักกับคำว่า ความสุขเลยคะ
สวัสดีค่ะ คุณหลานแมวกระดุกกระดิก (svpfe อ่านว่า อะไรล่ะเนี่ย) ป้าคลิกไปๆมาๆในเว็บจนเวียนหัวไปหมด จะไปหน้าโน้นกลับมาหน้านี้ ก็ทำไม่ค่อยเป็น บ่อยครั้งที่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่หน้าแรก เฮ้อ...กว่าจะหาเจอว่า ต้องมาโพสต์ตรงไหน เล่นเอาป้าเหนื่อย ต้องควานหายาดม เหอๆ ป้าชอบตัวแมวเต้นได้ของคุณจังเลย มันแลดูเหมือนเฮี้ยวๆนะ เรียกดิฉันว่าป้าก็ได้ค่ะ เพราะแก่แล้วจริงๆ สังขารนี้ เป็นทุกข์หนอ ไม่เที่ยงหนอ คุณป้าพยายามอ่านภาษาไทยให้ชัดเจนที่สุดค่ะ แล้วก็ขอให้ทุกคนช่วยๆกันอ่านภาษาไทยให้ถูกต้องด้วย (ทั้งๆที่ตัวเองเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ) ช่วยกันอนุรักษ์นะคะ ภาษาไทยของเรา เป็นภาษาที่ไพเราะสวยงามมาก เพื่อนฝรั่งเขาก็ชอบฟังเวลาเราพูดภาษาไทย เขาว่าเหมือนร้องเพลง เพราะมีวรรณยุกต์สูงๆต่ำๆ ซึ่งภาษาอังกฤษไม่มี แม้เขาจะมี แต่เป็นเสียงสูงๆต่ำๆของวลี และประโยค ซึ่งไม่ได้ทำให้ความหมายของคำ แตกต่างกัน ไม่เหมือนกับภาษาไทย และอีกหลายๆภาษาในโลกที่มีเสียงวรรณยุกต์ (อาทิ ภาษาจีน เวียตนาม เป็นต้น) ฉะนั้น ภาษาไทยของเรา ซึ่งมีคนใช้ในโลกนี้ เพียงแค่ประมาณ 60 ล้านกว่าคนในประเทศเราเท่านั้น ถ้าไม่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ อีกหน่อย อาจต้องกลายเป็นภาษาที่กำลังจะตาย (endangered language) หรือภาษาที่ตายแล้ว (dead language) คือไม่มีใครในโลกนี้ พูดอีกแล้ว ก็เป็นได้ค่ะ อ้าว ป้าบ่นเสียยืดยาว เอาเป็นว่า ต้องช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทยที่ถูกต้อง และสืบทอดพระศาสนาด้วยกันนะคะ บุญรักษาค่ะ