มาดูว่าภัยพิบัติใหญ่ที่จะเจอ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย supako, 2 มิถุนายน 2025 at 13:03.

  1. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,231
    ค่าพลัง:
    +3,409
    ภัยพิบัติครั้งใหญจะเริ่มต้น เมื่อดวงอาทิตย์มีจุดดับหรือจุดดำครบ 11 จุดแบบทันทีทันใด จาก5หรือ6 จุดกระโดดไป 11 จุดโดยมิได้นัดหมาย(เวบดูจุดดำพระอาทิตย์อยู่ล่างสุด)
    การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่
    1. ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน
    2. เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา 49 วัน ในระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน
    3. ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ระยะชำระล้างเป็นเวลา 7 วัน)
    *ใน 3 วันแรกจะเกิดสงครามนิวเคลียที่ทวีปเอเชีย ในประเทศที่เป็นอริต่อกัน

    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
    2. พายุถล่ม
    3. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว
    4. ภูเขาไฟระเบิด (จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก,ภาคเหนือตอนล่าง 3 ลูก,อีกทั้งที่จังหวัด ราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้องกวาง)
    5. คลื่นยักษ์จากทะเลา
    6. โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ Virusteria,อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันทีภายใน 6 วัน
    7. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมากก่อน
    8. อดอยากขาดแคลนอาหาร

    การเตรียมตัวเตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว
    1. เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 3-6เดือน
    2. เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
    3. เครื่องใช้ที่จำเป็น
    4. ที่อยู่อาศัย
    5. ยารักษาโรค
    6. ด่างทับทิมและคาราไมล์(จำเป็นมาก) ห้ามกินอาหารที่มาได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนอาราไมล์ จะมีไว้รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
    7. ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
    8. เครื่องช่วยชีวิต
    9. แสงสว่างเช่น เทียน ตะเกียงพายุ (เวลานั้นท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
    10. เครียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

    การดุแลตัวเองในช่วงวิกฤติ
    1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่เรารู้จักก็ตาม
    2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น
    3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลียงไม่ได้ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง
    4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้นประตูมิติของโลกทั้ง 3 ภพ จะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณ ก็จะได้เห็น คนที่มาเยือนอาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็เป็นได้และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดนเด็ด ขาด
    5. ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
    6. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
    7. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
    8. ระวังอากาศที่หนาวเย็น
    9. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษเช่น งูพิษ จระเข้
    10. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง

    การเตรียมจิตวิญญาณ
    1. ชำระกรรมให้เบาบางโดย หยุดโลภ โกรธ หลง ทำจิตใจให้สงบเบิกบาน เพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะเสียงที่ดังกึกก้องไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้น ต้องปล่อยวาง ทำจิตให้เป็นบวก จะช่วยได้มาก
    2. มีสำนึกทางจิตวิญญาณ
    3. ฝึกการละวาง
    4. มีสติรู้ตัวตลอดเวลา
    5. ฝึกการทำโฆษกรรม ขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวร หรือผู้ที่เราล่วงละเมิด

    การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย
    1. ได้ยินเสียงใด ให้ละวางสิ่งนั้น รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น ต้องไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลังจะตาย หรือได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัว ต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป หากละวางไม่ได้จะเกิดอาการ “ตายก่อนตาย” (รู้ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือการตายทั้งเป็น)
    2. ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
    3. อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้กลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำ เช่น อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวกเกิดความอิ่มเอิบ
    4. สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น

    ลางบอกเหตุก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ (ระยะ 2 )
    ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติ ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงาย และดูหดหู่ สัตว์ทั้งหลายจะไม่ปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านจะเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือบางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม
    ภัยใหญ่กำลังมา#1
    https://www.facebook.com/share/r/191qQkWZdj/

    ภัยใหญ่#2
    https://www.facebook.com/share/r/1C6Gd61c7Z/

    ภัยใหญ่#3
    https://www.facebook.com/share/r/1AQgK8chTE/

    ภัยใหญ่#4
    https://www.facebook.com/share/r/1AVPa9HTAG/

    ภัยใหญ่#5
    https://www.facebook.com/share/r/1Ah5AS3owf/

    ภัยใหญ่#6
    https://www.facebook.com/share/r/16exiGnBEv/

    ภัยใหญ่#7
    https://www.facebook.com/share/r/18wUMsX23v/

    ภัยใหญ่#8
    https://www.facebook.com/share/r/12JpmPGVwko/

    ภัยใหญ่#9
    https://www.facebook.com/share/r/18qANy7BrQ/

    ภัยใหญ่กำลังมา#10
    https://www.facebook.com/share/r/1JJ47zZNmf/

    ภัยใหญ่กำลังมา#11
    https://www.facebook.com/share/r/1AfgyMYNBQ/

    ภัยใหญ่กำลังมา #12
    https://www.facebook.com/share/r/16hSYMuXJ7/

    ภัยใหญ่กำลังมา#13
    https://www.facebook.com/share/r/1BSbyHJYbW/

    ภัยใหญ่ในไทย #14
    https://www.facebook.com/share/r/154aUphysc/

    เวบดูพระอาทิตย์
    https://www.swpc.noaa.gov/homepage?...n3uzIRuqIHJ2C0dXSK_aem_Ns4XYowo5gXGP0hulfw8RA

    เราจะรอดกรณีชำระโลกนี้
    ประเทศไทย เป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะได้รับการปกป้อง คุ้มครองรักษาไว้ ซึ่งจะได้รับความบอบช้ำจากมหัตภัยธรรมชาติน้อยที่สุดของโลกและจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำซึ่งมีความเจริญเป็นศูนย์กลางของโลกต่อไป

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกาถูกคลื่นยักษ์ที่มาพร้อมก
     
  2. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,231
    ค่าพลัง:
    +3,409
    #สนทนาประสาจิตจักรวาล

    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
    ขณะนี้ขั้วเหนือของเข็มทิศแม่เหล็กโลก
    ได้ถูกกระทำให้เบี่ยงเบนไปจากจุดเดิม
    อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นอีกแล้ว
    ตามแผนที่ซึ่งนำมาแสดงไว้เป็นหลักฐาน
    ให้ท่านทั้งหลายได้เห็นเป็นประจักษ์
    เอาไว้ในที่นี้ด้วยแล้ว
    ในภาพจะเห็นทิศทางการย้ายตำแหน่ง
    ของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกที่เป็นจุดสีดำ
    ซึ่งบันทึกตำแหน่งไว้เป็นรายปี
    โดยเริ่มจากปี ค.ศ.1900 ถึงปี ค.ศ. 2015
    เพียงแค่ระยะเวลาผ่านไป 15 ปีเท่านั้น
    ขั้วเหนือของเข็มทิศแม่เหล็กโลก
    ได้เปลี่ยนย้ายพิกัดไปจากเดิมไกลมาก
    ตามแผนที่ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า
    เดิมทีขั้วเหนือของเข็มทิศแม่เหล็กโลก
    จะอยู่บนพิกัดของประเทศ #แคนาดา
    แต่ในปีต่อๆมาจนถึงปี ค.ศ.2015
    ขั้วเหนือของเข็มทิศแม่เหล็กโลกนั้น
    ค่อยๆย้ายมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
    ผ่านข้ามแดนมายังประเทศ #ไซบีเรีย
    จนย้ายข้ามเส้นแบ่งเวลานานาชาติไปแล้ว
    พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    นี่คือการเปลี่ยนแปลง
    ทางกายภาพของโลกอีกอย่างหนึ่ง
    ซึ่งเป็นไปตามแผนปฏิบัติการชำระโลก
    เพื่อเปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่
    ตามที่พระบิดาทรงพระเมตตาให้เรา
    กล่าวต่อท่านทั้งหลายเอาไว้ล่วงหน้า
    พร้อมๆกับข่าวสารการเปลี่ยนทะเลทราย
    ให้เป็นแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ด้วยแล้ว
    เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงนี้ก็คือ
    แนวเหนือใต้ของเข็มทิศแม่เหล็กโลก
    จะถูกทำให้เบี่ยงเบนไปจากตำแหน่งเดิม
    โดยจะย้ายมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
    คิดเป็นตัวเลขกลมๆเท่ากับ 3 องศา
    นี่ย่อมหมายความว่าหลังชำระโลกเสร็จสิ้น
    เมื่อดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    เปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว
    แนวเหนือใต้ของเข็มทิศแม่เหล็กโลก
    จะต้องเบี่ยงเบนไปจากเดิมอีก 3 องศา
    สิ่งอันชวนคิดคำนึงก็คือ
    พระบิดาทรงจัดการปรับเปลี่ยนอย่างไร
    ที่ยังผลให้ภายในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา
    แนวเหนือใต้ของเข็มทิศแม่เหล็กโลก
    จึงเปลี่ยนย้ายตำแหน่งได้รวดเร็วเช่นนี้ได้
    คำตอบก็คือ
    ทรงสร้างพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์
    ส่งคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกมายังโลก
    โดยกำหนดพิกัดตำแหน่งการตกกระทบ
    ของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์
    ให้ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการในแกนโลก
    เพื่อทำให้อะตอมของก้อนธาตุออกซิเจน
    ซึ่งเป็นแกนชั้นในสุดของโลก
    บริเวณที่ตกกระทบนั้นเกิดการระเบิดขึ้น
    เมื่ออะตอมของธาตุออกซิเจน
    ถูกกระทำให้ระเบิดด้วยวิธีที่ว่านี้
    มันก็จะเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงยิ่ง
    พระบิดาทรงเรียกปฏิกริยา่ที่เกิดขึ้นนี้ว่า
    Nuclear Fission
    คือปฏิกริยานิวเคลียร์
    ซึ่งเป็นกระบวนการลูกโซ่นั่นเอง
    นั่นคือเมื่ออะตอมตัวแรกระเบิด
    ก็จะจุดชนวนให้อะตอมข้างเคียง
    เกิดการระเบิดตาม
    จะเป็นเช่นที่ว่านี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ
    สิ่งที่เกิดขึ้นในแกนโลกดังกล่าวนี้
    มันจะทำให้ก้อนธาตุออกซิเจน
    ซึ่งมีลักษณะเหนียวหนืดคล้ายตังเม
    ที่พระบิดาทรงกำหนดติดตั้งเอาไว้ข้างใน
    เกิดการ "บิดตัว" อย่างแรง
    เพราะแรงระเบิดระดับนิวเคลียร์
    กรณีแกนโลกนั้นนักวิทยาศาสตร์โลก
    ตั้งสมมติฐานผิดกันมาตั้งนานแล้วว่า
    มีธาตุเหล็กในรูปของๆไหล
    ที่ยังคงร้อนแดงเร้นอยู่ภายใน
    ทั้งๆที่แท้จริงแล้วพระผู้สร้าง
    ทรงกำหนดติดตั้งก้อนธาตุออกซิเจนเหลว
    ที่บริสุทธิ์ 100 % เอาไว้ในนั้นต่างหากล่ะ
    พระองค์ทรงใช้ปฏิบัติการทางเท็คนิกนี้
    ผลิตสร้างสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาเพิ่ม
    เพื่อปรับโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
    ให้แนวเหนือใต้ของเข็มทิศแม่เหล็ก
    เบี่ยงย้ายจากแนวเดิมทำมุมกับแนวดิ่ง
    สามารถเพิ่มขึ้นได้ทีละน้อยๆ
    ซึ่งระยะหลังๆนี้หากท่านสังเกตให้ดี
    จะพบว่าพายุสุริยะถูกส่งมายังโลกถี่ขึ้น
    อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม
    แน่นอนว่าของแถมที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ
    โลกจะเกิดแผ่นดินไหวถี่ๆบ่อยๆมากขึ้น
    รุนแรงบ้าง ค่อยๆบ้าง สลับกันไป
    วันหนึ่งๆแผ่นดินจะไหวนับครั้งแทบไม่ถ้วน
    โดยจะหาสาเหตุไม่ได้ว่า
    ทำไมโลกจึงเกิดแผ่นดินไหวทั้งวันคืน
    มิหนำซ้ำยังไหวทุกวันไม่เว้นวันหยุดด้วย
    ที่สำคัญคือท่านทั้งหลายจะพบว่า
    จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวจากปฏิบัติการนี้
    จะอยู่ที่ความลึกราวๆ 10 กิโลเมตรเท่านั้น
    นอกจากนั้นภูเขาไฟเก่าใหม่
    ก็จะถูกจุดชนวนให้เกิดการปะทุขึ้นมาได้

    ดังนั้น
    พี่ๆน้องๆท่านใดที่มีนิวาสถานใกล้ภูเขาไฟ
    ก็คงต้องตื่นตัวระวังภัยเอาไว้ด้วยนะ
    พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
    วัตถุประสงค์หลักของปฏิบัติการทางเท็คนิก
    ในการโยกย้ายแนวเหนือใต้เข็มทิศแม่เหล็ก
    ให้เบี่ยงเบนไปจากเดิม 3 องศา
    มาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้น
    ก็เพราะเหตุว่า
    ในอดีตที่ผ่านมา
    ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลไปมาก
    ทั้งทางกายภาพและทางพลังงาน
    ซึ่งส่วนใหญ่มนุษย์เป็นผู้กระทำเองทั้งสิ้น
    รวมทั้งแนวเหนือใต้ของเข็มทิศนี้ด้วย
    ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
    แนวเส้นแรงแม่เหล็กโลกที่พาดผ่าน
    บนพิกัดพื้นที่ตำแหน่งใดๆก็ตาม
    จะมีผลต่อระดับความฉลาดของมนุษย์
    จะมีผลต่อสมรรถนะการสื่อสารทางจิต
    ระหว่างมนุษย์โลกกับจักรวาลด้วย
    เดิมท่านจะเห็นว่า
    พระบุตรเอกที่ลงมาจุติเป็นพระศาสดา
    พระบิดาจะส่งมาจุติบนพื้นที่ด้านเอเซีย
    ซึ่งเป็นซีกโลกด้านตะวันออกทั้งสิ้น
    เพราะแนวเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลก
    ที่พระบุตรเอกต้องใช้ติดต่อกับพระเจ้า
    ถูกสร้างให้พาดผ่านซีกโลกด้านนี้นั่นเอง
    ด้วยสาเหตุหลายประการ
    เมื่อโลกผ่านอายุขัยมาได้ยาวนาน
    โครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
    มันจึงผิดเพี้ยนไป
    หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่พอจะกล่าวได้
    ก็เกิดจากมนุษย์ด้านเอเซียตะวันออก
    มีจิตสามนึกตกต่ำลงเรื่อยๆ
    เพราะไปตกเป็นทาสวัตถุเท็คโนโลยี
    ที่มนุษย์ทางซีกโลกตะวันตกสร้างขึ้น
    จนเข้าถึงอำนาจแท้จริงของตนไม่ได้
    จึงยังผลให้โลกขาดพลังจิตด้านบวก
    ของมนุษย์ทางซีกโลกตะวันออก
    เข้าไปจุดระเบิดในแกนโลกทางด้านนี้
    ทำให้ขั้วเหนือใต้ของเข็มทิศแม่เหล็ก
    เบี่ยงเบนไปจากซีกโลกด้านเอเซีย
    ทำให้พวกที่อยู่ทางซีกตะวันตก
    ที่เดิมมีความฉลาดด้านวัตถุเท็คโนโลยี
    ขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกเพียงฝ่ายเดียว
    เพราะพวกเขาส่วนหนึ่ง
    หันมาสวมบทบาทผู้นำทางจิตวิญญาณ
    แทนชนชาติเอเซียไปอีกด้วย
    ทำให้การคานอำนาจกัน
    ระหว่างเอเซียตะวันออกกับโลกตะวันตก
    จึงเกิดการเสียสมดุลขึ้นตั้งแต่บัดนั้น
    จนยังผลให้มนุษย์จำหน้าที่ตนเองไม่ได้
    ยังผลให้มนุษย์กลับบ้านคือหลุดพ้นไม่ได้
    เพราะติดอยู่ในทะเลโลกิยะ
    ขาดทักษะการใช้จิตปัญญา
    ลืมพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตนเอง
    การติดตั้งเสาอากาศแห่งจักรวาลโลก
    เพื่อรับพลังงานจากพระบิดาผ่านดวงสุริยะ
    จึงต้องปักธงไว้ที่จิตจักรวาลสถานธรรม
    อันเป็นพิกัดตำแหน่งที่เหมาะสม
    เพื่อเป็นกลไกชิ้นสำคัญ
    ที่จะช่วยให้การย้ายพิกัดเดิมกลับคืนมา
    เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลนั่นเอง
    นอกจากนั้น
    เสาอากาศแห่งจักรวาลโลกที่ภูกระต่าย
    ยังจะช่วยค้ำจุนมิให้
    ขั้วเหนือใต้เข็มทิศแม่เหล็กโลก
    ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเบี่ยงเบน
    จนเกิดความเสียหายใหญ่หลวงขึ้นมาอีก
    เพราะพระศาสดาพระองค์สุดท้าย
    ซึ่งเป็น "พระบุตรเอก" ของพระบิดา
    ที่จะขันอาสาลงมาดูแลพี่ๆน้องๆ
    ผู้มาใหม่จากฟ้าสีคราม
    กับผู้ที่ได้รับความรอดจากมหันตภัย
    ที่จะก้าวต่อไปในยุคพลังงานใหม่
    จะได้อาศัยเสาอากาศแห่งนี้
    ติดต่อสื่อสารกับพระผู้เป็นเจ้า
    คือองค์จิตจักรวาล
    และสามารถติดต่อสื่อสารกับรูปธรรมอื่น
    ที่ดำรงอยู่ในต่างกาแล็กซี่
    ภายในอนันตจักรวาลนี้ได้อย่างราบรื่น

    เอเมน สาธุ
    ป.วิสุทธิปัญญา
    15-01-2019
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,231
    ค่าพลัง:
    +3,409
    ภัยพิบัติใหญ่กำลังมาในไทย #15
    https://www.facebook.com/share/r/1EDBNMD9BU/

    ภัยพิบัติใหญ่ไทย #16
    https://www.facebook.com/share/r/1GD61e85a2/

    ภัยพิบัติใหญ่ไทย #17
    https://www.facebook.com/share/r/1JBQrmcETk/

    ภัยพิบัติใหญ่ไทย #18
    https://www.facebook.com/share/r/1Ef5KWQnS6/

    ภัยไทยพิบัติใหญ่ #19
    https://www.facebook.com/share/r/16YpVWDnyS/

    พระเจ้าจักรพรรดิ
    https://www.facebook.com/share/r/1AjrTZHpCF/

    แผ่นดินพระศรีอาริย์
    https://www.facebook.com/share/r/1FZj8rqQ9g/

    ตอนรับพายุสุริยะยังงัย
    https://www.facebook.com/share/v/1ZW9kZsGDg/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. supako

    supako เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,231
    ค่าพลัง:
    +3,409
    พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
    เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

    #กฎสากลของจักรวาล นั้นโดยเฉพาะเรื่อง
    ถ้านำความแตกต่างมาสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน
    จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าขึ้นมาได้เสมอ

    ดังตัวอย่างของ #ไข่ ในเพศเมียหรือเพศหญิง
    กับ #สเปิร์ม ในเพศผู้หรือเพศผู้ชาย
    เมื่อมีการผสมกันจนเป็นหนึ่งเดียวกันได้เมื่อไหร่
    จะเกิดมีสิ่งใหม่ขึ้นมาเป็น #ตัวอ่อน ที่มีชีวิตได้
    ในมนุษย์เรียกว่า #ตั้งครรภ์ คำสามัญก็คือ “ท้อง”
    ในมิติจิตวิญญาณจะเรียกว่าเกิด #การปฏิสนธิ ขึ้น

    รวมทั้งสีสันอันหลากหลาย
    ถ้านำเอาแต่ละสีที่แตกต่างกันนั้นมาจับคู่ผสมกัน
    ท่านก็จะได้ “สีใหม่” เกิดขึ้นมาได้เสมอ
    ตามตัวอย่างที่เรากล่าวไว้ในพระโอวาทบทที่แล้ว

    ดังนั้น
    ถ้าท่านเกิดมาเป็นคนสองมิติอยู่ในระบบโลก
    ท่านต้องใช้กลไกอายตนะภายนอกทั้งห้า
    คือ ตา หู จมูก ปากหรือลิ้น และ กายสัมผัส
    เพื่อทำการรับรู้และรับเอาสรรพสิ่งรายรอบตัว
    ที่แตกต่างกันอย่าง #หลากหลาย นั้นให้จงได้
    โดยการเรียนรู้ที่จะเข้าถึงความหลากหลายนี้
    มันเป็น “หน้าที่” ของพวกท่านทุกคนต้องทำ
    เพื่อนำพาตนเองเป็น “สัตว์สังคม” ให้จงได้
    อีกทั้งไม่ทำตนเป็นดั่งคนที่มีอายตนะพิการด้วย

    ถ้าท่านเข้าใจคำกล่าวของเราเหล่านี้
    สิ่งที่ท่านจะต้องทำ ณ บัดเดี๋ยวนี้เลยก็คือ

    1.จงเลิกหนีสังคมแล้วอ้างว่าหนีความวุ่นวาย
    เพื่อนำพาตนเองหลบไปปลีกวิเวกอยู่คนเดียว
    โดยอ้างว่าเป็นวิธีหนึ่งของการปฏิบัติธรรม

    ทั้ง ๆที่รู้ดีอยู่ว่าธรรมะคือ #ธรรมชาติ
    ธรรมชาติของมนุษย์นั้นแท้จริงแล้วเป็น #สัตว์สังคม
    ไม่ใช่เป็นสัตว์ที่สามารถดำรงชีวิตอย่างโดดเดี่ยวได้
    พวกมันต้องมีตัวผู้ตัวเมียจึงจะสืบทอดเผ่าพันธุ์กันได้
    ถ้าทั้งโลกทั้งป่าสัตว์แต่ละชนิดมีแต่เพศเดียวเท่านั้น
    พวกมันจะสืบทอดเผ่าพันธุ์เพื่อดำรงพันธุ์ไว้ไม่ได้
    จะพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในการมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้

    ดังนั้น
    การเข้าป่าเข้าถ้ำเพื่อนำพาตนเองหนีสังคมไป
    เหมือนไม่พึ่งใครไม่สนใจใครหรือไม่ให้ใครพึ่งพา
    หรือว่าไม่ต้องการให้ใครมาสนใจตนนั้น
    ท่านว่ามันคือ #การปฏิบัติธรรม ที่แท้จริงแน่หรือ
    ท่านเห็นว่ามันเป็นการปฏิบัติที่อุตริบ้างหรือไม่ล่ะ

    ถ้าท่านหนีไปอยู่ในโลกส่วนตัวคนเดียว
    หรือหลบไปสร้างโลกส่วนตัวอยู่คนเดียว
    ไม่คบหาสมาคมกับใครหรือทำตนไม่ให้ใครคบหา
    นำพาตนเองออกจากสังคมที่มีความหลากหลาย
    ท่านก็จะยิ่งมองไม่เห็นโลกที่หลากหลาย
    ซึ่งเป็นโลกที่สวยงามเป็นโลกที่มีสันติสุขกันได้
    อันเป็นการหลอกตนเองว่าโลกนี้ไม่วุ่นวายแล้ว
    เพราะไม่มีใครคือพ่อแม่ลูกเมียก็ไม่เหลือแล้ว
    โดยท่านได้ทอดทิ้งพวกเขาเอาไว้เบื้องหลัง
    อย่างนี้จะไม่ให้เราเรียกว่า “สัตว์เส็งเคร็ง” ได้ไง

    2.จงเลิกปฏิบัติธรรมด้วยการปิดอายตนะ

    การแกล้งทำให้อายตนะภายนอกทั้งห้ามืดบอดนั้น
    ไม่ต่างจากการเกิดมาเป็นคนที่มีอายตนะสมบูรณ์ดี
    แต่ไม่ชอบใจจึงเสแสร้งแกล้งทำให้มันพิการเสียนี่
    ทั้ง ๆที่ตาหูจมูกก็มีสองข้างปากก็มีปากบนปากล่าง
    พระผู้สร้างทรงเห็นว่าเป็นอายตนะและอวัยวะสำคัญ
    จึงทรงสร้างไว้ให้เป็น “คู่” เผื่อให้ใช้ทดแทนกันได้

    แต่พวกท่านกลับไม่รู้ไม่เห็นคุณค่า
    ไม่เรียนรู้ที่จะใช้ตาหูจมูกปากมือเท้าของตน
    ด้วยการใช้ให้เป็นใช้ให้ถูกต้องใช้ให้เกิดประโยชน์
    มนุษย์หลายรายจึงเป็นคนที่ขาดตกบกพร่อง
    เพราะเป็นคนจำพวกที่ #เป็นมนุษย์ไม่เป็น
    ตามตัวอย่างที่พอนำมาอ้างได้ต่อไปนี้ คือ

    1.ดื้อตาใส
    2.หูทวนลม
    3.หูเบา
    4.หูหนา
    5.ปากเปราะ
    6.ปากหนัก
    7.ปากพล่อย
    8.ตาถั่ว
    9.ตาร้อน

    นี่ท่านแค่ปิดอายตนะภายนอกทั้งห้าไว้
    โดยยอมเลือกที่จะพิการแค่ 5 ช่องทางเท่านั้น
    อายตนะตัวที่ 6 คือ #จิต ที่อยู่ภายใน
    เราเชื่อว่าถ้าท่านสามารถ “ปิดสวิตช์” มันได้
    พวกท่านก็คงจะทำมันอย่างแน่นอน

    เมื่อท่านปลีกวิเวกและปิดอายตนะภายนอกไว้
    ในการปฏิบัติธรรมของพวกท่านจึงเหลือแต่ “จิต”
    ที่ท่านไม่อาจจะปิดสวิตช์ให้มันหยุดทำงานได้
    เพราะ “จิต” ในที่นี้ก็คือ #จิตสามนึก
    ซึ่งพระเจ้าหรือพระบิดาทรงประทานให้มาใช้งาน
    โดยจิตวิญญาณผู้อาสามาเกิดเป็นคนสองมิติ
    แวะรับเอามาจากด่านนภาลัยในภพชาติแรก
    เพื่อให้จิตหยาบไว้ใช้งานนั่นแหละ

    จิตสามนึกคือ #นึกออก #นึกเอา #นึกเอง

    จิตตัวที่ “นึกออก” เป็นจิตหยาบ
    ผู้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเอาความจำได้หมายรู้
    ในสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสัญญาขันธ์ออกมาใช้
    ทั้งที่เป็นความรู้เดิม
    ประสบการณ์เก่า
    เรื่องราวในอดีต

    จิตตัวที่ “นึกเอา” เป็นจิตหยาบ
    ผู้ทำหน้าที่ใช้ประสบการณ์แห่งการนึก
    ที่ภาษาปัจจุบันเรียกว่า #จริตนิสัย หรือ #จิตพิสัย
    ตัวอย่างเช่น

    คนที่เคยตัวกับการมองคนอื่นในแง่ร้าย
    จะเป็นคน #นึกลบ แล้ว #คิดลบ กับคนอื่น
    คนพวกนี้จะเป็นคนขี้หึงขี้ระแวง
    เป็นคนที่ไม่ไว้วางใจใครแม้กระทั่งตัวเองก็ตาม

    คนพวกนี้จักต้องแก้ไขตนเองเสียใหม่
    แทนที่จะเป็นคนนึกลบแล้วคิดลบ
    ให้เปลี่ยนตนเองไปเป็นคนที่ #นึกด้านลบ
    โดยมีคำว่า #ด้าน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
    แปลว่าต้องเปลี่ยนเป็น “มองหลายมุม” นั่นแหละ
    ตามที่มีคนกล่าวว่าเหรียญยังมีหลายด้าน
    นั่นคือ #หัว #ก้อย และยังมี #สันเหรียญ ด้วย
    คนแต่ละคนก็ยิ่งมีหลายด้านหลายมุมเช่นกัน

    ส่วนคนที่เคยตัวกับการมองคนอื่นในแง่ดี
    จะเป็นคน #นึกบวก แล้ว #คิดบวก กับคนอื่นเสมอ
    คนจำพวกนี้จะเป็นผู้ที่ไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นง่าย
    จนมีหลายครั้งในชีวิตจึงเสียรู้คนชั่วกันได้ง่ายๆ

    คนพวกนี้จักต้องแก้ไขตนเองเสียใหม่
    แทนที่จะเป็นคนนึกบวกแล้วคิดบวก
    ให้เปลี่ยนตนเองไปเป็นคนที่ #นึกด้านบวก แทน
    โดยมีคำว่า #ด้าน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

    ถ้าเป็นคนฉลาดแท้
    จะต้องสร้างจิตพิสัยในการมองโลกเป็นสองด้าน
    นั่นคือ #นึกคิดด้านบวก กับ #นึกคิดด้านลบ ด้วย
    ไม่ต่างจากการรู้จักเอาใจเราไปใส่ใจเขาเป็นแล้ว
    ยังต้องรู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเราเสียบ้างด้วย
    เพราะการทำทั้งสองทางนี้มันไม่เหมือนกันไงล่ะ

    สำหรับจิตตัวที่ “นึกเอง” นั้นเป็นจิตหยาบ
    ผู้ที่คอย “เสือก” หรือ “แส่” เพื่อนึกคิดแทนคนอื่น
    ถ้าจิตพิสัยพื้นฐานเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย
    ก็จะยิ่งนึกลบคิดลบโดยตกคำว่าด้านไปเสมอ
    แต่ถ้าจิตพิสัยเป็นคนมองว่าโลกนี้สวยงาม
    ก็จะนึกบวกคิดบวกกับทุกคนเสมอเพราะโลกสวย

    คนพวกนี้เป็นพวกที่มีจิตสามนึกบกพร่อง
    สังคมโลกทุกวันนี้จะมีผู้ป่วยทางจิตแบบนี้อยู่มาก
    ส่วนใหญ่จึงใช้จิตสามนึกไม่เป็นและใช้ไม่ถูกต้อง
    จนยังผลให้ไม่สามารถหมุนธรรมจักรร่วมกันได้
    ภารกิจของจิตวิญญาณจึงล้มเหลวกันมาตลอด

    จนโลกเกิดวิกฤตด้านภัยธรรมชาติมากขึ้นทุกวัน
    เพราะพวกท่านใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกไม่ได้
    เพราะพวกท่านเมื่อเกิดมาได้ไม่นานก็ตายแล้ว
    โดยเฉพาะคนดีๆที่มักจะตายเร็วกว่าคนชั่วช้า
    เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ตายแล้วแต่ชั่วมากกว่า
    ได้รับโอกาสมาเกิดใหม่เพื่อแก้ไขตนเองอีกครั้ง

    โชคร้ายซ้ำสอง
    เมื่อจิตวิญญาณของคนชั่วที่ตายแล้ว
    ได้รับโอกาสให้มาเกิดใหม่ในภพชาติใหม่นั้น
    เมื่อมาเกิดแล้วกลับยังทำชั่วกันอยู่เหมือนเดิม
    บางรายยิ่งชั่วมากกว่าเดิมเสียอีกด้วย

    พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    ถ้าการปฏิบัติธรรมของท่าน
    ไม่ใส่ใจเรื่องของจิตสามนึกเหล่านี้เลย
    ถ้ามัวแต่ท่องธรรมจำศีลกันอยู่อย่างเดียว
    ทั้งหนีสังคมกับแกล้งทำเป็นอานตนะมืดบอด
    แล้วคอย “กดข่มจิตสามนึก” เพื่อปลุกปล้ำกับจิต
    ที่มันมีนิสัยซุกซนเหมือนลิงจนอยู่นิ่งไม่ได้
    โดยมั่นใจว่าท่านทำให้ลิงเลิกซนตามธรรมชาติได้
    ก็จงปฏิบัติธรรมด้วยวิธีที่ทำกันอยู่นั้นต่อไปเถิด

    อย่างน้อยท่านจงรู้ว่า
    เมื่อปิดอายตนะภายนอกทั้งห้าไว้
    ท่านจะไม่มีวันได้พบเห็นความหลากหลาย
    ไม่อาจรู้เห็น “สัตว์สวยป่างาม” ตามธรรมชาติได้
    ที่สำคัญขณะหน้าต่างทั้งห้าบานของจิตหยาบ
    ถูกท่านปิดมันเอาไว้สนิทจนมืดมิดอยู่อย่างนั้น
    ความรู้ใหม่จากภาพจริงของสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
    ที่มันจะเป็น #สิ่งเร้า กับ #ความรู้ใหม่ทั้งหลาย
    ที่จิตปัจจุบันต้องการรับรู้เพื่อเรียนรู้จะถูกปิดไปด้วย

    เมื่อท่านทำตนเองเสียแบบนี้แล้ว
    เราจะถามท่านทั้งหลายว่ามันผิดธรรมชาติไหม
    จงอย่าพร่ำบ่นกันว่าทำไมโลกนี้จึงเห็นมีแต่ทุกข์
    เพราะว่าท่านเข้าไม่ถึงความหลากหลายที่สวยงาม

    ใยท่านจึงเชื่อผีโสโครก
    ที่พวกมันหลอกผ่านคนนำทางบอดมาหลอกต่อว่า
    ไม่น่ามาเกิดเป็นมนุษย์นั้นเพราะเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
    โดยเอาสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาอ้าง
    เช่น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่ว่าด้วย #ไตรลักษณ์
    หรือที่ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค คือ #อริยสัจสี่
    เพื่อเน้นว่าเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

    โดยบิดเบือนความหมายของคำว่า “ทุกข์”
    ซึ่งพระศาสดาทรงหมายถึงอาการที่ #จิตไม่นิ่งสงบ
    เมื่อจิตหยาบเกิดการรับรู้สิ่งเร้าแล้วรับเอาสิ่งนั้นไว้
    ทำให้ในยามปกติที่จิตยังไม่ได้รับรู้แล้วรับเอาสิ่งใด
    ขณะนั้นจิตหยาบจะอยู่ในสภาวะที่ว่างไปจากทุกสิ่ง
    จึงเป็นจิตที่กำลังสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่สูงอยู่
    ทำให้เกิดอาการ “จิตตก” เมื่อมีบางสิ่งมากระทบ

    อาการจิตตกหมายถึงจิตนั้นจะสั่นสะเทือนต่ำลง
    โดยเปลี่ยนคลื่นความถี่นั้นจากสงบเป็นไม่สงบทันที
    อาการของจิตที่ไม่สงบซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำที่ว่านี้
    เป็นจิตที่สั่นสะเทือนด้วยกิเลสตัณหาอารมณ์ขยะ
    สภาวะจิตที่เปลี่ยนจากความสงบเป็นไม่สงบนี่แหละ
    พระพุทธเจ้าทรงหมายถึง #ความทุกข์ เท่านั้น

    แต่พวกจิตวิญญาณผีโสโครกที่ขี้อิจฉาผู้ไม่หวังดี
    จึงสร้างเรื่องบิดเบือนแบบในจริงมีเท็จในเท็จมีจริง
    ทำให้พวกท่านเกิดความสับสนในสัจธรรมคำสอน
    จนเกิดการหลงผิดเข้าใจผิดติดต่อกันนานนับพันปี
    เพื่อหลอกลวงพวกท่านให้ “หลงทางนิพพาน”
    ด้วยการทำให้เกิดความขลาดกลัว “ความทุกข์”
    จนไม่อยากเกิดมาเป็นมนุษย์โลกเสรีแห่งนี้อีก
    แต่ให้อยากจะไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์มายาแทน

    พวกท่านไม่รู้ว่า
    ถ้าตายไปแล้วเหลือแต่จิตวิญญาณขึ้นไปอยู่บนนั้น
    ซึ่งเป็นดินแดนมายาที่จิตท่านเนรมิตมันขึ้นมาเอง
    พระเจ้าหรือพระบิดามิได้ทรงเป็นผู้กำหนดสร้างไว้
    พวกท่านเมื่ออยู่บนนั้นจะเป็นรูปธรรมที่ไร้ประโยชน์
    เพราะจะหมุนธรรมจักรพิทักษ์สมดุลโลกก็ทำไม่ได้
    ขึ้นไปแล้วจะลอยกลับลงมาอีกโลกนี้ก็ไม่ต้องการ
    จึงต้องลอยค้างกันอยู่บนนั้นตราบนานเท่านาน
    เพราะน้ำหนักตัวเบาเกินกว่าจะเหนี่ยวรั้งให้ลงมาได้
    จิตวิญญาณรูปธรรมนั้นจึงอยู่ในสภาวะที่จนตรอก
    จะไปไหนต่อก็ไม่ได้นอกจากจะอยู่ตรงนั้นเท่านั้น

    เมื่อท่านได้รู้ความจริงกันแล้วว่า
    แดนสวรรค์มายาพระบิดาหรือพระเจ้ามิได้ทรงสร้าง
    แต่เป็นจิตหยาบหรือจิตมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเอง
    มันจึงไม่ต่างจากการที่ท่านฝันไปเองเมื่อนอนหลับ
    แม้ว่าท่านจะสามารถจดจำความฝันนั้นได้ครบถ้วน
    จนกระทั่งสามารถจำความรู้สึกนึกคิดในฝันนั้นได้
    แต่อย่างไรก็ตามในเบื้องลึกของจิตใจของท่านนั้น
    ท่านก็ยังบอกตัวเองอย่างมีสติได้ว่านั่นคือความฝัน
    ทุกอย่างที่ฝันไม่ใช่ความจริงหรือเป็นเรื่องที่ไม่จริง

    สาเหตุที่จิตวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว
    หลงทางนิพพานลอยไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายา
    แล้วเกิดความเพลิดเพลินด้วยการติดสุขอยู่บนนั้น
    ก็เพราะเข้าถึงคำว่า #เกิดสติทางวิญญาณ มิได้
    เนื่องจากจิตวิญญาณนั้นกำลังเกิดการหลงมิติอยู่
    ตัวที่ทำให้หลงมิติจนเห็นสวรรค์มายาประเสริฐกว่า
    เพราะตอนที่เป็นมนุษย์อยู่จิตหยาบเสพติดกิเลส
    จึงยังผลให้จิตวิญญาณต้องรับกรรมที่ทำนั้นไว้ด้วย

    ท้ายสุดของพระโอวาทในบทเรียนนี้
    เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรับรู้รับทราบเอาไว้ว่า
    เมื่อตอนแรกมาเกิดเป็นคนสองมิติอยู่ในระบบโลก
    พวกท่านล้วนเกิดจากไข่กับสเปิร์มสองสิ่งมารวมกัน
    โดยที่จิตวิญญาณของพวกท่านทั้งหลายนั้น
    ได้แบ่งภาคทางพลังงานออกมาเป็น “จิตหยาบ”
    เหมือนแม่นกแม่กาแม่ไก่วางไข่หรือเบ่งไข่ออกมา
    จิตหยาบนั้นจึงไม่ต่างจาก #ไข่ของจิตวิญญาณ

    หน้าที่ของแม่ไก่ผู้วางไข่ออกมา
    คือการทำหน้าที่ฟูมฟักไข่ของตนให้เจริญเติบโต
    จิตวิญญาณของท่านก็เฉกเช่นเดียวกันนั่นแหละ
    ขณะผู้เกิดใหม่คือทารกน้อยยังอยู่ในครรภ์
    จิตวิญญาณนั้นจักต้องเป็นผู้รับผิดชอบจิตหยาบ
    ด้วยการคอยทำสามเหลี่ยมกับจิตของพ่อแม่
    เพื่อใช้ความรักทำการฟูมฟักจิตหยาบนั้นร่วมกัน
    ขั้นตอนต่างๆของกระบวนการดังกล่าวนี้
    เราได้เปิดเผยไว้ให้โลกรู้มาบ่อยครั้งแล้ว

    แต่สิ่งสำคัญวันนี้ที่เราจะบอกก็คือ
    ลูกนกฟีนิกซ์ก็คือจิตหยาบของพวกท่านทุกคน
    จะต้องเติบโตจนปีกกล้าขาแข็งแรงพร้อมบินเองได้
    แปลว่านกตัวน้อยๆจะต้องมีปีกสองข้างครบถ้วน
    พร้อมมีขาครบทั้งสองข้างและมีแรงมีพลัง
    ที่สามารถเป็นจิตวิญญาณผู้มีชีวิตสมดุลแล้ว
    คือจิตหยาบจะเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณได้
    เพื่อที่จะหลุดพ้นด้วยการบินออกไปจากเอกภพ
    ย้อนคืนกลับบ้านแดนสุญตาที่ตนจากมาได้นั่นเอง

    กระบวนการที่เกิดขึ้นเหล่านี้
    เป็นการทำหน้าที่นำความแตกต่างกันของสองสิ่ง
    คือจิตหยาบที่สร้างใหม่กับจิตวิญญาณผู้มาเกิด
    ให้ทั้งสองสิ่งที่ต่างกันรวมกันเป็นหนึ่งเดียวให้ได้
    แล้วสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นนั้นจะได้กลับบ้านไปด้วยกัน

    กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
    เอเมน สาธุ
    #พระบุตรเอก
    28/05/2568
     

แชร์หน้านี้

Loading...