9 ปาฏิหาริย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) นามเดิมคือ โต หรือนามที่นิยมเรียก “สมเด็จโต” “หลวงปู่โต” หรือ “สมเด็จวัดระฆัง” เป็นพระภิกษุมหานิกาย เป็นพระมหาเถระรูปสำคัญที่ได้รับความนิยมนับถืออย่างมากในประเทศไทย ท่านเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารในสมัยรัชกาลที่ 4-5 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) นับเป็นพระเกจิเถราจารย์ผู้มีปฏิปทาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส เป็นที่เคารพนับถือทั่วไปมาตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์จนถึงสามัญชนและนอกจากจริยาวัตรด้านความสมถะอันโดดเด่นของท่านแล้ว ท่านยังทรงคุณทางด้านวิชชาคาถาอาคม เมตตามหานิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุมงคล “พระสมเด็จ” ที่ท่านได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา ได้ถูกจัดเข้าในพระเครื่องเบญจภาคี หรือสุดยอดของพระเครื่องวัตถุมงคล 1 ใน 5 ของประเทศไทย และมีราคาซื้อขายในปัจจุบันต่อองค์เป็นราคานับล้านบาท ด้วยปฏิปทาจริยาวัตรและคุณวิเศษอัศจรรย์ของท่าน ทำให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยเคารพนับถือว่าท่านเป็นอมตะเถราจารย์รูปหนึ่งของเมืองไทย และมีผู้นับถือจำนวนมากในปัจจุบัน ขออนุญาตนำบทความเกี่ยวกับสิ่งปฎิหารยืมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับท่านมานำเสนอให้ผู้ที่เลื่อมใสในบารมีท่านทราบอีกครั้ง สิ่งมหัศจรรย์ที่ร่ำลือเกี่ยวกับสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ท่านฝ่าคลื่นลมทะเลไปงานสมโภชพระราชวังบนเขามไหศวรรย์ เมืองเพชรบุรี สมเด็จโตท่านไปด้วยเรือญวณ 4 แจว ในขณะที่ท้องทะเลเป็นบ้าเพราะคลื่นลมแรงมาก ชาวบ้านในอ่าวบ้านแหลมร้องห้ามว่า “ท่านเจ้าประคุณสมเด็จอย่าออกไปจะล่มตาย” ท่านตอบว่า “ไปจ้ะ ไปจ้ะ” แล้วท่านก็ออกมายืนหน้าเก๋งเรือเอาพัดใบตาลโบกแหวกลมหน้าเรือ ทั้งๆ ที่ในเวลานั้นคลื่นใหญ่กว่าเรือมากขนาดว่าบังเรือมิด แต่ทางหน้าเรือคลื่นไม่มีเลย หลายคนที่ไปด้วยและได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์เล่าว่าทั้งที่มีคลื่นลูกโต 2 ฟากเรือ แต่สมเด็จโตยืนนิ่งโบกพัดเอง คนเรือก็แจวปกติ (ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี และเรื่องลี้ลับแห่งอริยสงฆ์ www.se-ed.com) 2.เรื่องการห้ามคลื่นลมของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) อีกเรื่องคือ เมื่อครั้งที่ท่านมีกิจนิมนต์ไปทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางไปโดยเรือแจว ระหว่างมีคลื่นลมจัด ท่านล้วงย่ามหยิบเอาเทียนมาเล่มหนึ่ง แล้วจุดเทียนนั้นติดกับปากโอซึ่งเป็นภาชนะเครื่องสานสำหรับใส่ของคล้ายขัน) วางลอยน้ำไป คลื่นลมก็สงบทันที (ขอบคุณข้อมูลจาก เพจ นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว) 3.มีเรื่องเล่าว่านอกเหนือจากการห้ามคลื่นลมได้แล้ว สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ยังห้ามฝนได้ด้วย ครั้งที่มีการก่อพระเจดีย์ทรายที่ในวัดระฆังโฆสิตาราม วันนั้นมีเมฆฝนมืดครึ้ม คนทั้งหลายกลัวว่าฝนจะตก จึงไปกราบเรียนท่าน แล้วท่านก็กล่าวพร้อมโบกมือว่า “ตกที่อื่นๆ” ปรากฏว่าฝนไปตกบริเวณอื่นจริงๆ (ขอบคุณข้อมูลจากเพจ นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว) สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ได้สร้างพระสมเด็จขึ้นมาพิมพ์หนึ่ง โดยผีมือช่างหลวงช่วยแกะพิมพ์ให้ พอสร้างเสร็จปลุกเสกเสร็จ ท่านก็ได้ให้พระสมเด็จทรงพิมพ์นี้ ร.5 ติดตัวไว้ ร.5 ได้นำพระสมเด็จติดตัวไปประเทศเยอรมันด้วย กษัตริย์เยอรมันพบ ร.5 ก็แปลกใจ เห็นที่หน้าอกของ ร.5 มีแสงสว่างประกายออกมา จึงถามว่า ในตัวมีอะไร ร.5 นึกขึ้นมาได้ว่า มีพระสมเด็จองค์หนึ่งที่ท่านโตให้ติดตัวมา จึงถวายให้กับกษัตริย์เยอรมันไป เรียกสมเด็จทรงพิมพ์นี้ว่า ทรงพิมพ์ไกเซอร์ (ขอบคุณข้อมูลจาก www.luangputo.com) 5.จากหนังสืออนุสรณ์ งานพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์ เทพ สาริกบุตร ท่าน มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)ได้เรียบเรียงถึงอภินิหารของสามเณรโตไว้ว่า เมื่อสามเณรโตอายุได้ 15 ปี บวชเป็นเณรได้ 3 พรรษา อยากจะเรียนคัมภีร์พระปริยัติ พระครูผู้เป็นอุปัชฌาย์ จึงแนะนำให้ไปเรียนกับท่านพระครูจังหวัด วัดเมืองไชยนาทบุรี สามเณรโตมาบอกกับตาผลและแม่งุด ให้พาไปหาพระครูที่เมืองไชยนาทบุรี คนแจวเรือจึงแจวเรือมา ๒ คืนเมื่อถึงท่าเรือวัด เมืองไชยนาทบุรี ได้จอดเรือเข้าที่ท่าในเวลากลางดึก จากนั้นนอนพักในเรือ ครั้นรุ่งเช้ามีจระเข้ใหญ่ในน่านน้ำท่านั้น เสือกตัวมาตรงหัวเรือ ผู้คนบริเวณนั้นเห็นจระเข้ขึ้นจะคาบคนนอนหลับที่หัวเรือใหญ่ พากันตกใจกลัว ร้องบอกกันโวยวาย คนแจวได้ยินเสียงคนบนบ้านเรือนร้องเอะอะโวยวายก็ตกใจ ฝ่ายสามเณรโตลุกขึ้นนั่งภาวนาอยู่ในประทุนเรือ จระเข้ขึ้นมาแต่ก็อ้าปากไม่ออก จมไม่ลง และไม่ว่ายมาฟาดหาง แต่ดูอาการอ่อนแรงมาก คนแถวนั้นต่างงงงันกันเป็นแถว (ขอบคุณข้อมูลจาก www.appgeji.com) 6.อานิสงส์ของการสวดมนต์ ดังปรากฏในงานของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ด้วยตัวเอง ในสมัยที่ออกเดินธุดงค์ในป่าใกล้ชายแดนเขมรที่เรียกว่าเขตดงพญาไฟเป็นเวลา 15 ปี ในสมัยนั้นเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูตผีวิญญาณ ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถาเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายดังเช่นนายผลที่ได้ทดลองทำคุณไสยใส่สมเด็จโตถึง 7 วัน เต็มๆ ทั้งปล่อยควายธนู หรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้าย แต่ปรากฏสิ่งที่ปล่อยมา ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายสมเด็จโตได้เลย ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตกล่าวว่า เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลยอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย และอาตมาก็จำวัดนอนเป็นปกติ ซึ่งการสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ เปรียบเสมือนจากภยันตรายทั้งปวง ดังที่สมเด็จท่านได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง อัจฉริยะทางธรรม จาก ลีลาวาทะสมเด็จโตฯโดย ร้อยเอกประชุม สุขสำราญ ได้กล่าวถึงความเป็นอัจฉริยะของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตว่า มีมาแต่เยาว์วัย เมื่อครั้งเป็นสามเณรโต ก่อนจะย้ายไปอยู่วัดระฆัง พระอาจารย์ที่วัดระฆังยังฝันไปว่า มีช้างเผือกเชือกหนึ่ง เข้ามากินหนังสือพระไตรปิฎกในตู้ของท่านหมด ซึ่งพระอาจารย์ตื่นขึ้น ก็เกิดความมั่นใจว่าฝันนั้นจะเป็นนิมิตว่าท่านจะได้ศิษย์ที่ฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง วันรุ่งขึ้น สามเณรโตก็ถูกนำตัวมาฝาก ท่านจึงรับไว้ด้วยความยินดี สามเณรโตเป็นช้างเผือกจริงขนาดไหนก็ลองฟัง สมเด็จพระสังฆราช (สุก) วัดมหาธาตุ ท่านพูดถึงสามเณรโตดูก็ได้ว่า ก่อนจะเรียนหนังสือ (สมัยนั้นเขาแปลหนังสือจากคัมภีร์ภาษามคธ เป็นภาษาไทย) ท่านก็ทูลสมเด็จพระสังฆราชว่า “วันนี้จะเรียนตั้งแต่บทนี้ ถึงบทนี้นะขอรับ” เสร็จแล้วเวลาเรียนก็เปิดหนังสือออกแปลจนตลอดตามที่กำหนดไว้ ท่านทำอย่างนี้ทุกครั้ง จนสมเด็จพระสังฆราชผู้เป็นอาจารย์ว่า “ขรัวโตเขามาแปลหนังสือให้ฉันฟัง เขาไม่ได้มาเรียนหนังสือกับฉันดอก” 8.ครั้งหนึ่งมีการก่อพระเจดีย์ทรายที่ในวัดระฆัง ประจวบกับวันนั้นมีเมฆฝนตั้งมืดคลึ้ม คนทั้งหลายเกรงฝนตก จึงไปกราบเรียนปรารภกับเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ท่านได้กล่าวพร้อมกับโบกมือว่า “ตกที่อื่น ๆ” ว่าน่าประหลาดที่ในวันนั้นปรากูฎว่าฝนไปตกที่อื่นหาได้ตกที่ในตำบลศิริราชพยาบาลไม่ คราวหนึ่งเขานิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปในงานพิธีโกนจุกที่จังหวัดอ่างทอง ท่านได้เริ่มออกเดินทางก่อนถึงกำหนดเวลาเพียง 3 ชั่วโมง มีผู้สงสัยว่าท่านจะไปทันเวลากำหนดได้อย่างไร ถึงกับได้สอบถามไปยังเจ้าภาพในภายหลังต่อมา ก็ไดรับคำตอบว่าท่านไปทันเวลาตามฎีกาทุกประการ (ว่าวิชานี้ท่านได้เรียนต่อพระอาจารย์แสง ที่จังหวัดลพบุรี) (ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บอิทธิปาฎิหารย์พระเครื่อง) ข้อมูลเพิ่มเติม: คาถาชินบัญชร เป็นพระคาถาสำคัญในพิธีกรรมตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ต่อมาได้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้นโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี โดยว่ากันว่า หากผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย ทั้งขจัดภัยภยันตรายทั้งปวง แม้แต่ไสยศาสตร์มนต์ดำ ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยมอีกด้วย ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก: เพจพระเครื่องเหนือเซียน,เว็บอิทธิปาฎิหารย์พระเครื่อง / หมายเหตุ: เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน