**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Lo_olLo, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,952
    ค่าพลัง:
    +12,443
    อุองค์ธรรม.jpg
    ยันต์นี้จะใช้ลงด้านหลังเหรียญ
    "รัตนมงลคลโลกนาถ"

    .....อุองค์ธรรม จะเป็นยันต์คล้ายๆอุโองการ แต่ต่างกันที่ยอดของยันต์สุริยันต์และจันทรา โดยยันต์อุโองการจะเป็นอุณาโลม แต่อุองค์ธรรมยอดยันต์จะลงยันต์เฑาะว์(ลงตำราสมเด็จ) อุองค์ธรรมนี้ท่านอาจารย์บุญเลิศบอกครับว่า "ถือว่าเป็นยันต์หนึ่งที่สุดยอดของยันต์ทั้งหลาย" ซึ่งถือเป็นยันต์แก้วองค์ธรรม เหตุที่เรียกว่าองค์ธรรมเพราะ "ลงและเสกด้วยรัตนะมาลาบทยันต์ อุ เป็นพื้นฐาน" ซึ่ง"อุ"คำนี้มาจาก "อุตตรธรรม" แปลว่า "ธรรมะอันเลิศ" นัยยะคือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจ 4 จึงถือว่าท่านเป็นองค์ความรู้แห่งธรรมทั้งหลาย ที่นำพาสัตว์โลกล่วงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้จึง "ถือเอาเคล็ดนี้เป็นการเบิก หรือเปิดทางที่เป็นอุปสรรคทั้งหลายให้กระทำการสิ่งใดๆจะไม่มีอุปสรรคมาขัดขวาง ทำการอะไรก็จะสะดวกโยธิน ดุลดังธรรมมะที่ปัดเป่ากิเลสความเศร้าหมองให้พ้นไปฉันใด ยันต์นี้ก็ปัดเป่าอุปสรรคไปได้ฉันนั้น"

    ...และยันต์นี้ยังมียันต์เฑาะว์ด้านบนกำกับ "ยันต์เฑาะนี้ถูกรจนามาจาก อักษรปัลลวะ ซึ่งเป็นอักษรโบราณในอดีตก่อนจะมีเป็นอักษรขอม และอักษรไทยซึ่งเรียกว่าตัว "ธะ" โดยครูบาอาจารย์ในอดีตท่านได้ผูกยันต์นี้ขึ้นมาเพื่อน้อมพลังงานมาสถิตที่ยันต์นี้และใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน และยังใช้เป็นสัญลักษณ์ของกรมการศาสนาในปัจจุบันนี้อีกด้วย ยันต์เฑาะนี้จึงถือว่ามีคุณวิเศษน้อมไปถึงธรรมะคุณทุกด้าน โดยเฉพาะป้องกันสิ่งไม่ดีทั้งหลาย..."

    ...ว่ากันว่า "สมเด็จโต พรหมรังสี ท่านมักลงยันต์เฑาะนี้ไว้สายรัดประคดของท่านเวลาท่านไปในสถานที่อาถรรพ์ต่างๆอีกด้วย (บ้างก็ว่าท่านใช้ยันต์นี้เพื่อบังตาจากอันตรายทั้งหลายยามคับขัน)" นั้นแสดงว่ายันต์เฑาะนี้ถือว่ามีคุณวิเศษนานัปการ แม้กระทั่งโบราณจารย์ทั้งหลายในอดีตใช้ลงประจำตัวกันเป็นประจำเลยทีเดียว(ว่ากันว่ากันฟ้าผ่าได้ด้วยครับ) ...


    คำพรรณนาอุองค์ธรรม(อุ รัตนมาลา)
    ที่ถูกแต่งไว้โดยโบราณาจารย์ในอดีตครับ


    อุองค์ธรรม339.jpg
     
  2. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,952
    ค่าพลัง:
    +12,443
    อุธะอุพะ2.jpg
    ....ตอนนี้เหรียญ "มงคลรัตนมาลาโลกนาถ" ได้นำส่งไปยิงเลเซอร์แบบร่องลึกประทับยันต์อุองค์ธรรมด้านหลังเหรียญอยู่นะครับ หลังจากหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ เมตตาอธิษฐานจิตในวาระแรก ซึ่งต่อไปก็จะนำเข้าพิธีบวงสรวงไหว้ครูบูชาพระโดยท่านอาจารย์บุญเลิศ(เจ้าพิธี) และกราบขอเมตตาพระอาจารย์พล และ หลวงพ่อท่านเจ้าคุณ เมตตาอธิษฐานจิตในวาระต่อไปครับ

    ....เมื่อวาน 9/6/2568 ผู้เขียนได้มีโอกาส สนทนาพูดคุยกับท่านอาจารย์บุญเลิศเรื่อง "อุ" ต่างๆในตำรา เพราะผู้เขียนเห็นในตำราที่ท่านอาจารย์บุญเลิศท่านบันทึกไว้มีตัวอุ เป็นองค์ประกอบอยู่เกือบทุกยันต์และเกือบทุกสำนัก

    ....ท่านอาจารย์บุญเลิศ กรุณาอธิบายว่า "จริงๆแล้ว อุ ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่ง เป็นพื้นฐานของอักขระที่มีเกือบทุกยันต์ ด้วยโบราณจารย์ท่านถือว่าตัว"อุ" เป็นตัวพื้นฐานที่รองรับของพลังงานได้ดี เพราะเป็นตัวแทนของ "พระธรรมะ" แต่บทเสกและบทลงอาจจะแตกต่างกันไปแล้วแต่สำนักที่สอนกันมา แต่ว่าใช้ตัว อุ เป็นพื้นฐานเหมือนกัน ถ้าอุปมาก็เหมือนกับเวลาเราสร้างบ้าน ก็ต้องมีลงเสาร์เข็มเสาร์เอกปูพื้นวางโครงสร้างให้แข็งแรง ก่อนจะสร้างสิ่งอื่นๆตามมา ทั้งนี้ก็เพื่อความมั่นคงของบ้าน ตัวอุก็เช่นเดียวกันเปรียบเหมือนพื้นฐานที่จะรองรับพลังงานต่างๆที่จะวางลงมาเพื่อไม่ให้พลังงานเสื่อม ไม่ให้พลังงานหาย
    "เพราะพระธรรมมีแต่ทำให้ผู้ปฏิบัติตามเจริญขึ้นแต่ฝ่ายเดียวไม่มีความเสื่อม" ตัวอุนี้จึงแทน
    อุตตะมะธัมมะมัชฌะคา แปลว่า ธรรมะสายกลางที่ประเสริฐที่สุด....."

    ....ท่านอาจารย์บุญเลิศ ท่านเล่าเสริมเคล็ดตรงนี้นิดหน่อยครับว่า "ท่านยกตัวอย่างคำพูดของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร หลวงพ่อกวยท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามาก ทั้งที่เป็นตำรวจและเป็นโจน มีครั้งหนึ่งลูกศิษย์ของท่านที่เป็นนายตำรวจไปกราบขอร้องท่านว่าอย่าสร้างเสกวัตถุมงคลให้โจนเลย มันทำให้ตำรวจทำงานยากเพราะวัตถุมงคลของหลวงพ่อที่ให้พวกโจน ไปป้องกันคุ้มครองตัวพวกมัน"

    ....ด้วยความที่ท่านเป็นครูบาอาจารย์ย้อมไม่ขายลูกศิษย์อยู่แล้วท่านจึงออกตัวไปว่า "กูจะไปรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นโจน ใครมาขอความช่วยเหลือกูช่วยได้กูก็ช่วยทั้งนั้น นายตำรวจลูกศิษย์จึงพูดกับหลวงพ่อในเชิงตัดพ้อว่า
    "ไหนว่าพระจะไม่คุ้มครองคนทำความชั่วละครับ" หลวงพ่อท่านจึงสวนกลับไปว่า "ใครบอกมึง" พระที่ดีย้อมไม่เลือกข้างใครลำบากมาพระก็ช่วยทั้งนั้น ส่วนเรื่องที่ใครจะไปบังเบียดใคร "อันนั้นเป็นกรรมของใครของมัน ทำกรรมดีก็ได้รับผลดี ถ้าทำกรรมชั่วย้อมได้รับผลกรรมชั่วอยู่แล้ว พระที่ไหนก็คุ้มครองไม่ได้หรอก"...... "

    ...ซึ่งก็ตรงกับที่ว่า "ธัมมะมัชฌะคา"
    ธัมมะ(หลักธรรม)+มัชฌะคา(สายกลาง) ผู้ที่จะบรรลุธรรมต้องน้อมนำหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" ซึ่งหมายถึง "ทางสายกลาง" นิพพานความดีก็ไม่เอา ความชั่วก็ไม่เอา อยู่เหนือการปรุงแต่งทุกประการ(สถานะความเป็นกลางไม่เกิดไม่ดับ) ดังนั้นตัว อุ ที่แทน อุตตะมะธัมมะมัชฌะคา แปลว่า ธรรมะสายกลางที่ประเสริฐที่สุดนี้ จึงถือเป็นหลักธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งของภูมิปัญญาครูบาอาจารย์ในอดีตที่ท่านรจนาผ่านหลักธรรม จนนำไปสู่การน้อมนำพลังงานเพื่อไว้รองรับพลังงานต่างๆที่จะมาประสิทธิลงวัตถุมงคลหรือยันต์นั้นๆที่มีตัว อุ อยู่เป็นพื้นฐานนั้นเอง.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2025 at 20:45
  3. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,952
    ค่าพลัง:
    +12,443
    อุ1.jpg
    ....องค์องค์ธรรม จะเป็นยันต์คล้ายๆอุโองการ แต่ต่างกันที่ยอดของยันต์สุริยันต์และจันทรา โดยยันต์อุโองการจะเป็นอุณาโลมแต่อุองค์ธรรมยอดยันต์จะลงยันต์เฑาะว์ ซึ่งถือเป็นยันต์แก้วองค์ธรรม เหตุที่เรียกว่าองค์ธรรมเพราะ "ลงและเสกด้วยรัตนะมาลาบทยันต์ อุ เป็นพื้นฐาน" ซึ่ง"อุ"คำนี้มาจาก "อุตตรธรรม" แปลว่า "ธรรมะอันเลิศ" นัยยะคือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจ 4 จึงถือว่าท่านเป็นองค์ความรู้แห่งธรรมทั้งหลาย ที่นำพาสัตว์โลกล่วงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้จึง "ถือเอาเคล็ดนี้เป็นการเบิก หรือเปิดทางที่เป็นอุปสรรคทั้งหลายให้กระทำการสิ่งใดๆจะไม่มีอุปสรรคมาขัดขวาง ทำการอะไรก็จะสะดวกโยธิน ดุลดังธรรมมะที่ปัดเป่ากิเลสความเศร้าหมองให้พ้นไปฉันใด ยันต์นี้ก็ปัดเป่าอุปสรรคไปได้ฉันนั้น"

    ตัว ธ.jpg

    ....ยันต์เฑาะว์ตัวนี้ พัฒนามาจากตัว ธ. ในอักษรปัลลวะซึ่งเป็นอักษรโบราณก่อนจะมาเป็นอักษรไทยในปัจจุบัน ครูบาอาจารย์ท่านจึงนำมารจนาเป็นยันต์แทน "พระธรรม" และคล้ายๆกับท่านั่งสมาธิ ท่านจึงใช้เป็นยันต์แทนองค์พระธรรมทั้งหลาย

    ....ส่วนยันต์สุริยันต์และจันทรา ที่เป็นองค์ประกอบของยันต์ อุ ที่อยู่ด้านบนตัว อุ เป็นสัญญลักษณ์แบบอุปมา(metaphor) แทนเรื่องของกาลเวลา คือ ตอนเช้าแทนด้วยพระอาทิย์ ตอนค่ำแทนพระจันทร์ เคล็ดของยันต์นี้คือ "ไม่ว่าเวลาใดไม่ว่าเช้าหรือค่ำ ท่านที่มียันต์นี้จะได้รับการอารักขาคุ้มครอง ป้องกัน ดูแลจากพระพุทธานุภาพนี้มิได้ขาดเลย(สุริยันจันทรานี้มีสูตรลงนะครับ) หรืออีกนัยยะหนึ่งทางธรรมคือ "สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม...อกาลิโก หมายความว่าพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติโดยไม่จำกัดกาลเวลา" พระจันทร์และพระอาทิตย์ที่อยู่ภายใต้พระธรรม(ตัวเฑาะว์) เป็นการแทนว่าผู้ใดมียันต์เฑาะว์นี้คุณแห่งพระธรรมมานุภาพ ย้อมให้ผลไม่จำกัดกาลเวลานั้นเอง"

    ....ฉะนั้นยันต์อุองค์ธรรมนี้นอกจากจะลงตัว อุ ตามสูตรรัตนมาลาแล้ว ยังลง สุริยันต์จันทรา และ ลงยัต์เฑาะว์แทนพระธรรมสูงสุด "โบราณจารย์ท่านจึงว่ายันต์นี้เป็นมหาปัดตลอด ปัดอุปสรรคต่างๆ ดุลดังธรรมมะที่ปัดเป่ากิเลสความเศร้าหมองให้พ้นไปฉันใด ยันต์นี้ก็ปัดเป่าอุปสรรคไปได้ฉันนั้น"

    ****************

    อุ2.jpg
    ....ส่วนยันต์ อุ องค์พระตัว มะ ตัว อะ ตัว อุ ที่ลงมีเคล็ดทุกตัวครับโดยถอดจากมนต์พระปริตรต่างๆ(ตรงนี้ไม่ขอลงรายละเอียดครับ เพราะทราบว่ามีหลายสำนักcopy จากบอร์ดนี้เอาไปใช้เป็นอุปเท่ห์ทำยันต์กันเอง หลายสำนักแบบไม่รู้จริง) ซึ่งตามตำราที่อาจารย์บุญเลิศท่านบันทึกไว้(ตามในภาพด้านล้างนี้ผู้เขียนได้ขออนุญาตท่านสแกนมาให้ชมกันครับ) โดยท่านมีเคล็ดการลงแบบมหาระงับ ประมาณว่า

    ....

    เยธัมมา. คาถาระงับพิพาท
    เย ธมฺมา เหตุ ปัพฺพวา
    เตสํ เหตุงฺ ตถาคโต
    เตสญฺจะ โย นิโรโธ จะ
    เอวํ วาที มหาสมฺโณ"
    "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้"


    ในสมัยพุทธกาล. เช้าวันหนึ่ง สารีบุตรปาริพาชกหรือพรัสารีบุตรอัครสาวกเมื่อยังไม่ได้บวช เห็นท่านพระอัสสชิกำลังบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ มีมรรยาทน่าเลื่อมใส นัยน์ตาทอดลง ถึงพร้อมด้วยอิริยาบถ คิดในใจว่าภิกษุรูปนี้คงเป็นพระอรหันต์ หรือเป็นผู้ได้บรรลุพระอรหัตมรรคเป็นแน่ จึงเดินตามไปเรื่อย ๆ เพื่อรอให้ท่านบิณฑบาตเสร็จ แล้วเข้าไปหาพระอัสสชิ ถามท่านว่าท่านบวชเฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร
    พระอัสสชิตอบว่า ท่านบวชเฉพาะพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดาของท่าน และท่านชอบใจธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น


    พระอัสสชิได้แสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคตามที่สารีบุตรปาริพาชกขอ ว่า "เย ธมฺมา เหตุ ปัพฺพวา เตสํ เหตุงฺ ตถาคโต เตสญฺจะ โย นิโรโธ จะ เอวํ วาที มหาสมฺโณ" "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้" ดวงตาเห็นธรรม ได้เกิดแก่สารีบุตรปาริพาชกว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา บรรลุพระโสดาบัน
    เมื่อสารีบุตรปริพาชกพบโมคคัลลานปริพาชก ก็เล่าเรื่องที่ได้พบพระอัสสชิ รวมถึงกล่าวธรรมที่พระอัสสชิทรงแสดงแก่ตน โมคคัลลานปริพาชกมีดวงตาเห็นธรรม บรรลุพระโสดาบัน


    จากนั้นโมคคัลลานปริพาชกได้ชักชวนสารีบุตรปริพาชก และปริพาชกทั้ง ๒๕๐ คน ไปยังสำนักพระผู้มีพระภาค ณ พระวิหารเวฬุวัน แม้สญชัยปริพาชกจะต้านทานถึงสามครั้งก็ไม่เป็นผล โลหิตร้อนได้พุ่งออกจากปากสญชัยปริพาชกในที่นั้นเอง

    *****ฉะนั้นสูตรนี้มักนิยมใช้คาถานี้ลงในแผ่นเงินหรือวัตถุมงคล. เพื่อล้อมพระธาตุ. มีเคล็ดว่าคนในบ้านนั้นจะไม่ทะเลาะกัน. เกิดความสงบร่มเย็น เกิดความอุดมสมบูรณ์ ป้องกันคุณไสย คุณของไม่ดีต่างๆ ป้องกันอาถรรพ์และภัยอันตรายเกิดแต่มนุษย์ก็ดี เกิดแต่อมุนษย์ก็ดี ดังอุปเท่ห์ดังในเอกสารตำราครูบาอาจารย์ที่แนบมาให้ชมกันนี้ครับ

    thumbnail_20250606_062838.jpg
     
  4. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,952
    ค่าพลัง:
    +12,443
    ยันต์589.jpg
    ....เคล็ดยันต์อุองค์พระ โบราณจารย์ท่านว่า...
    - ....สูตรนี้ท่านว่าผู้ใดนำจารลงในแผ่นโลหะ ทำเป็นน้ำมนต์แล้วไซร้ จะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ นำน้ำมนต์นี้ไปรดราด พืชผลทางการเกษตรจะงอกงามทวีคูณ แม้มีแมลงทั้งหลายที่มากัดกินพืชพันธ์ุ แม้แต่สัตว์ทั้งหลายที่มากัดกินพืชพันธุ์ ย้อมไม่ทำความเสียหายได้แล แม้ยันต์นี้ประทับที่ใดจะเกิดแต่ความร่มเย็น กันฟ้าผ่า กันไฟไหม้ ระงับเภทภัยดีนักแล โบราณท่านว่าลงยันต์นี้ในผ้าประเจียด จะบังตาศัตรูยามจวนตัวได้แล....

    HHHKO.jpg
     
  5. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,952
    ค่าพลัง:
    +12,443
    thumbnail_20250611_225338.jpg

    ยันต์ธัมมะอธิสิกขา
    ว่าด้วย สาวกของพระพุทธเจ้าตื่นเสมอ
    **********
    พระศาสดาทรงสดับคำของนางปุณณานั้นแล้ว จึงตรัสว่า "ปุณณา เจ้าไม่หลับ เพราะอันตรายคือทุกข์ของตัวก่อน, ส่วนสาวกทั้งหลายของเรา ไม่หลับ เพราะความเป็นผู้ประกอบเนืองๆ ซึ่งธรรมเครื่องตื่นอยู่ทุกเมื่อ"

    ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-


    สทา ชาครมานานํ อโหรตฺตานุสิกฺขินํ
    นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา.

    อาสวะทั้งหลาย ของผู้ตื่นอยู่ทุกเมื่อ มีปกติตามศึกษา
    ทั้งกลางวันกลางคืน น้อมไปแล้วสู่พระนิพพาน (กิเลสอาสวะ)ย่อม
    ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้.


    .....ยันต์นี้รจนามาจาก อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗ ที่ครูบาอาจารย์ในอดีตท่านยกกรณีของนางปุณณา ที่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า อันมีเรื่องข้อธรรมของ เวลา"กลางวันและกลางคืน" นำมาเป็นเคล็ดเพื่อน้อมพลังงาน “จนนำไปสู่คำว่า นิพพาน” ซึ่งแปลว่า “ดับ” ดับจากความเร่าร้อนที่เป็นไฟทั้งหลายจนกลายเป็นผู้ตื่น โดยนัยยะคือ ผู้ตื่นเท่ากับผู้เบิกบานแล้วไม่เร่าร้อนจากกิเลสซึ่งเป็นดังไฟต่างๆ จึงเป็นเคล็ดการน้อมนำพลังงาน “ความร่มเย็นเป็นสุข ให้เกิดความสบายกาย สบายใจ ยันต์นี้จึงมีคุณวิเศษให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขในสถานทั้งหลายที่ยันต์นี้ไปประดิษฐานอยู่” จะช่วยการปรับพลังงานในสถานที่นั้นๆ ด้วยพุทธบารมีข้อธรรมนี้ โบราณท่านว่า…

    ……..“ ยามดวงดีบทธรรมนี้ย้อมหนุนส่งให้ดีเลิศ ยามดวกตกบทธรรมนี้ย้อมหนุนช่วยยามคับขัน ยามเร่าร้อนให้คิดถึงธรรมข้อนี้เป็นสำคัญ เร่าร้อนนั้นจะดับพลันด้วยธรรมะบารมี....”
     
  6. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,952
    ค่าพลัง:
    +12,443
    ......วันที่ 12/6/2568 เวลาประมาณ 12.30 น. ผู้เขียนได้เข้าพบท่านอาจารย์บุญเลิศ เชื่อบุญมี เพื่อปรึกษาท่านเรื่องพิธีบวงสรวง "เหรียญมงคลรัตนมาลาโลกนาถ" ท่านอาจารย์กรุณาบอกว่าเดียวหลังจากประทับยันต์ "อุองค์ธรรม" เสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำเหรียญทั้งหมดมามอบให้ท่านไว้ ท่านจะคำนวณฤกษ์พิธีให้อีกครั้ง ในระหว่างสนทนากันนี้ผู้เขียนได้เรียนท่านว่า "พระชุดนี้หลวงพ่อสมศรีเมตตาให้วาระแรกแล้วครับ" ท่านอาจารย์บุญเลิศท่านจึงกล่าวว่า "สาธุ หลวงพ่อสมศรีท่านเป็นพระอรหันต์แห่งยุคนี้นะ ดีแล้วท่านเมตตาให้" แล้วเดียวเสร็จจากพิธีบวงสรวงแล้ว "ไปขอเมตตาหลวงพ่อเจ้าคณะอีกวาระนะ หลวงพ่อมหาสุพัฒน์ท่านพลังจิตแก่กล้ามาก รุ่นนี้ต้องอาศัยพลังจิตบารมีท่านหนุนด้วย"...(อาจารย์บุญเลิศกล่าว)

    ...หนังจากคุยกับท่านไปสักพักผู้เขียนก็แวะคุยเข้าเรื่อง "ยันต์อุองค์พระ" ต่อเลยครับเพราะเคยเจอในตำราที่ท่านจดบันทึกไว้คู่กันกับ "อุองค์ธรรม" ท่านจึงอธิบายให้ฟังครับว่า "ยันต์ อุ มีหลายแบบแล้วแต่โบราณจารย์ท่านจะนำไปรจนาน้อมนำพลังงานให้เป็นไปในทางใด แต่ใช้ยันต์อุ เป็นพื้นฐานเป็นตัวนำ อย่างอุองค์พระนี้จริงๆไม่ได้คู่กันนะ คนละยันต์กันเลยแต่ผม(อ.บุญเลิศ)มาเขียนใกล้กันเพราะกันลืม เลยเหมือนยันต์คู่กัน อุองค์ธรรมนี้มีพลังงานพุทธคุณไปในทาง ส่งเสริม เบิกทาง หนุนนำดวง ให้กับผู้บูชามากกว่า แต่อุองค์พระ จะเน่นด้าน คุ้มภัย กันแก้อาถรรพ์ โดยเฉพาะระงับอันตรายต่างๆ ระงับคดีความต่างๆ และส่งเสริมความร่มเย็นเป็นสุข โดยเฉพาะส่งเสริมความร่มเย็นนี้เด่นมากเพราะสูตรลงยันต์นี้ "ใช้พระสูตรที่เกี่ยวกับความร่มเย็นเป็นสุขเป็นหลักเลยทีเดียว"............."

    ....ผู้เขียนถามอาจารย์บุญเลิศเพิ่มเติมครับว่า สูตรที่ว่าร่มเย็นนี้เป็นยังงัย ท่านอธิบายว่า "ก็พระสูตรในพระไตรปิฏกนั้นแหละ ที่เชื่อมโยงไปถึงต้นพลังงานที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เป็นคำสอน เพราะโบราณจารย์ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าท่านมีวาจาสิทธิ ท่านตรัสอะไรสอนอะไรสิ่งนั้นจะมีพลังงานศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที ดังนั้นในพระสูตรที่เกี่ยวข้องกับความร่มเย็นเป็นสุขนี้ ก็มาจากคำสอนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ แล้วครูบาอาจารย์ท่านน้อมนำคำสอนนั้นๆที่เป็นต้นพลังงาน มารจนาผูกเป็นยันต์ให้คนรุ่นหลังได้นำไปใช้กัน"

    ....แล้วสูตรร่มเย็นตามตำราที่ท่านอาจารย์บันทึกไว้จากครูบาอาจารย์มีอะไรบางครับ(ผู้เขียนถาม) ท่านกรุณาบอกว่า ยันต์อุองค์พระ นี้เป็นพื้นฐานเลยจะทำให้เกิดความร่มเย็นและอุดมสมบูรณ์ในเคหสถานหรือที่นั้นๆ ยันต์นี้พวกเจ้าของสวนทุเรียนที่จันทบุรีมักใช้กันมากเพราะจะช่วยหนุนให้ผลผลิตทางการเกษตรดี ท่านพูดติดตลกว่าสมัยนี้ไม่รู้ยังใช้กันอยู่หรือป่าว ฮ่าๆ(ท่านหัวเราะ) แล้วก็มียันต์ธัมมะอธิสิกขา ยันต์นี้สมัยก่อนหมอยาโบราณ จะใช้เสกยาสมุนไพรที่ออกฤทธิ์เป็นยาเย็น เพราะเชื่อว่าจะสามารถดับพิษโรคได้เป็นอย่างดี แม้นำมาทำตะกรุดติดตัวก็เป็นเมตตาเพราะใครอยู่ใกล้จะสบายกายสบายใจ อันนี้ก็ยันต์หนึ่ง แล้วก็มีบทสีติสุตร
    ธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง อันนี้ไม่มีสูตรยันต์แต่เป็นบทเสกนะ

    ....ผู้เขียนเลยขอความเมตตาท่านเลยครับว่า "ถ้าผมจะสร้างวัตถุมงคลด้วยสูตรนี้ไว้สืบวิชา สร้างวัตถุมงคลแบบไหนดีครับสำหรับสร้างพระเกี่ยวกับความร่มเย็นเป็นสุข" ท่านบอกว่า "พระสร้างแบบไหนก็ได้เหรียญก็ได้พระบูชาก็ได้ แต่ถ้าสร้างพระบูชาจะดี เพราะถ้าอยากให้ได้ตามสูตร ใต้ฐานต้องบรรจุพระธาตุและตะกรุดเยธัมมาเข้าไปด้วย แล้วพระนี้จะมีเทวดามารักษาแม้เทวดาจรไปจรมา ก็จะลงมานมัสการพระนี้ ทำให้บ้านหรือเคหสถานนั้นๆมีเทวดามาอารักษ์ตลอดเกิดแสงสว่างตลอดเลย"

    ....ตรงนี้ผู้เขียนถึงกับอ๋อเลยครับ "เพราะผู้เขียนเคยได้รับพระธาตุเสด็จจาก หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ ที่ท่านนั่งภาวนาสมัยไปอินเดียแล้วพระธาตุเสด็จมาที่มือและตามแขนของท่าน ท่านเก็บใส่ผอบไม้ไว้และมอบให้ผู้เขียนเมื่อปี 2556จำนวนหนึ่ง(ที่มอบให้เพราะผู้เขียนขอนะครับ)..." ผู้เขียนเลยคิดว่าดีเลยครับ จะได้นำพระธาตุมาบรรจุลงองค์พระทำเป็นขนาดบูชาตั้งไว้ที่บ้านหรือห้างร้านบริษัทจะได้เสริมมงคลกัน


    อันนี้คือต้นแบบที่ผู้เขียนจะจัดสร้างต่อไปครับ
    พระขนาดบูชาหลังประทับยันต์อุองค์พระ บรรจุพระธาตุ
    และลองพระธาตุด้วยตะกรุดเยธัมมา
    อาจารย์เทพย์ สาริกาบุตรนิยมใช้คาถานี้ลงในแผ่นเงิน.
    เพื่อล้อมพระธาตุ. มีเคล็ดว่า. คนในบ้านนั้นจะไม่ทะเลาะกัน.
    เกิดความสงบร่มเย็น
    **************************************

    thumbnail_20250610_184946.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...